Profhilo คืออะไร

Profhilo ฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง

เมื่อเราก้าวเข้าสู่วัยที่มากขึ้น ปัญหาผิวมักกลายเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลใจ จากการที่คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวเริ่มลดน้อยลง ทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้าน ริ้วรอย และความหย่อนคล้อย สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความมั่นใจ เราจึงมองหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมามีสุขภาพดี โปรแกรม Profhilo ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้รับความนิยม ด้วยจุดเด่นที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี และยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวกระชับ ดูอ่อนเยาว์

โปรแกรม Profhilo คืออะไร?

โปรแกรม โปรฟิโล่ เป็นสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีความเข้มข้นสูง ด้วยเทคโนโลยี ที่ชื่อว่า NAHYCO เน้นการฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มีการเติมเต็ม จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย ลดความหย่อน และเพิ่มความกระชับให้ผิว

ซึ่งเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวขั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้กรดไฮยาลูโรนิกบริสุทธิ์ความเข้มข้นสูงถึง 64 mg พัฒนาโดยเทคโนโลยี NAHYCO® จาก IBSA Group ผู้ผลิตชั้นนำด้านกรดไฮยาลูโรนิก ทั้งนี้ โปรแกรม Profhi ผิว ได้รับการรับรองความจากทั้งองค์การอาหารและยายุโรป (CE Mark) และ อย.ไทย

กลไกการทำงาน

เมื่อฉีดเข้าไป โปรฟิโล่ จะค่อยๆปล่อยกรดไฮยาลูโรนิกบริสุทธิ์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินตามธรรมชาติ ดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิวชั้นลึกเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า

รีวิว Phofhilo
รีวิว Phofhilo 1

ส่วนประกอบสำคัญ

ประกอบด้วยไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีความเข้มข้นสูง สารนี้มีความสามารถในการเก็บกักน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเรียบเนียน นอกจากนี้ยังไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง

ความแตกต่างของโปรแกรม Profhilo

โปรแกรม Profhi ผิว ไม่ใช่ ฟิลเลอร์ ทั่วไป แต่เป็นสารปรับสภาพผิวในทุกชั้น (skin remodeling) โดยใช้กรดไฮยาลูโรนิกแบบ Non-crosslinked ที่ไม่มีการเชื่อมพันธะเคมี (BDDE)  ลดโอกาสการแพ้หรือการอักเสบ และไม่ก่อให้เกิดก้อนใต้ผิวหนัง (ไม่เป็นก้อน)

โปรแกรม Profhilo มีข้อดียังไง?

ฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย Profhilo มี Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูง ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นลึกถึงระดับเซลล์ผิว ทำให้ผิวฟู ดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ และเส้นเล็กบริเวณใบหน้าลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นเติมเต็มจุด

เพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว หลังจากฉีดไปแล้ว ผิวจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรง ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยค่อย ๆ กระชับขึ้น

คืนความชุ่มชื้นและสุขภาพผิว ด้วยคุณสมบัติของ HA ที่อุ้มน้ำได้ดีมาก โปรฟิโล่ จะช่วยให้ผิว ชุ่มชื้นจากภายใน ไม่แห้งกร้าน ผิวจะดูฉ่ำ สุขภาพดี เหมือนผิวที่พักผ่อนเต็มที่

ปรับปรุงโครงสร้างผิวในระยะยาว โปรฟิโล่ ไม่ใช่แค่ให้ผลชั่วคราว แต่ยังทำงานเชิงลึกโดยการ กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิว (tissue remodeling) ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การฉีด โปรฟิโล่ เพียง 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1 เดือน จะสามารถให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 6–12 เดือน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ

รีวิว Phofhilo 3
รีวิว Phofhilo 4

เหมาะกับใคร?

  • ผู้มีปัญหาผิวแห้ง ต้องการฟื้นฟูความชุ่มชื้น
  • ผู้มีริ้วรอย ต้องการลดเลือนริ้วรอยและปรับสภาพผิว
  • ผู้มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการเพิ่มความกระชับให้กับผิว
  • ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากผิวผลิตคอลลาเจนน้อยลง

ทำบริเวณไหนได้บ้าง ?

  • ใบหน้า ฟื้นฟูคุณภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหย่อนคล้อย ผิวกระชับ เรียบเนียน
  • ลำคอ ช่วยเพิ่มความกระชับและลดริ้วรอย

👉 อ่านเพิ่มเติม : รักษาหลุมสิว ด้วยโปรแกรมโปรฟิโล่

โปรแกรม Profhilo แตกต่างจากโปรแกรม Filler อย่างไร?

โปรแกรม Profhilo
โปรแกรม Filler
วัตถุประสงค์
ฟื้นฟูคุณภาพผิว กระตุ้นคอลลาเจน & อีลาสติน
เติมเต็ม ปรับรูปหน้า
หลักการทำงาน
กระจายตัวทั่วผิว เพิ่มความชุ่มชื้น & ความยืดหยุ่น
ฉีดสารเติมเต็มลงจุดที่ขาดวอลลุ่ม
ผลลัพธ์
เห็นผลชัดเจนภายใน 1 เดือน

เห็นผลทันทีหลังทำ

เหมาะสำหรับ
คนที่ต้องการผิวแน่น กระชับ ชุ่มชื้น สดใส สุขภาพดี

คนที่ต้องการปรับรูปหน้า เสริมโครง เติมวอลลุ่ม

จุดฉีดหลัก
5 จุดสำคัญบนใบหน้าเพื่อให้กระจายทั่วผิว และลำคอ
ทั่วในหน้า ใต้ตา, ร่องแก้ม, หน้าแก้ม, แก้มส้ม, คาง, Jawline, ขมับ,แก้มตอบ, หน้าผาก
ระยะเวลาผลลัพธ์
6–8 เดือน แต่ช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว

6–18 เดือน (ขึ้นกับชนิดและตำแหน่งฉีด)

การเตรียมตัวก่อนทำ

1.ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
2.หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
3.ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
4.หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่นในช่วง 1-2 สัปดาห์

👉 อ่านเพิ่มเติม : โปรแกรมโปรฟิโล่ ราคา เท่าไหร่ ช่วยเรื่องอะไร ทำไมถึงควรฉีด?

การดูแลหลังทำ

1.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 24 ชั่วโมงแรก
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูบริเวณที่ทำ
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่แช่วยในการฟื้นฟูผิวและรักษาความชุ่มชื้น
4. สังเกตอาการที่ผิดปกติ เช่น อาการบวม หรือแดง ควรปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาเกิดขึ้น

รีวิวโปรแกรม Profhilo

รีวิว Phofhilo 11
รีวิว Phofhilo
รีวิว Phofhilo 2
รีวิว Phofhilo 2
รีวิว Phofhilo 3
รีวิว Phofhilo 4
รีวิว Phofhilo 5
รีวิว Phofhilo 6
รีวิว Phofhilo 7
รีวิว Phofhilo 8
รีวิว Phofhilo 9
รีวิว Phofhilo 10
รีวิว Phofhilo 12

คำถามที่พบบ่อย

ควรทำกี่ครั้ง? ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

แนะนำให้ทำประมาณ 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถทำการรักษาต่อเนื่องได้ทุก 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับสภาพผิว

  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตปกติได้ทันที
  • อาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งหายไปใน 1-2 วัน

สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เช่น โปรแกรมฟิลเลอร์หรือ ฉีดโบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

  • ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีด
  • โบท้อกช่วยลดริ้วรอย (เช่น รอยตีนกา) ส่วน Profhilo ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
  • อาจมี รอยแดง บวม หรือจ้ำเลือดเล็กน้อย ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปใน 2-3 วัน
    (พบน้อยมากกับการอักเสบรุนแรง เพราะโปรแกรม Profhi ผิว อ่อนโยนต่อผิว)

Profhi ผิว

  • ใช้ กรดไฮยาลูโรนิกบริสุทธิ์เข้มข้นสูง (64mg)
  • ผ่านเทคโนโลยี NAHYCO® จากสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ผลลัพธ์ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูง ฟื้นฟูผิวลึก กระตุ้นคอลลาเจน ผิวขาดน้ำ ริ้วรอยตื้น หย่อนคล้อยเล็กน้อย  ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

Skin Booster

  • ให้ความชุ่มชื้นทันที เหมาะกับคนผิวแห้ง ขาดน้ำ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
  • เหมาะกับผู้ที่มี อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อมสภาพ
  • หากอายุน้อยกว่า แต่ผิวแห้งมากหรือขาดความยืดหยุ่นก็สามารถทำได้
  • เหมาะกับผู้ที่มี อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อมสภาพ
  • หากอายุน้อยกว่า แต่ผิวแห้งมากหรือขาดความยืดหยุ่นก็สามารถทำได้