ปากกาลดน้ำหนัก อันตรายไหม ลดได้จริงรึเปล่า เสี่ยงต่อการโยโย่ หรือไม่ ?
ภาวะน้ำหนักเกินขนาด หรือโรคอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ ซึ่งก่อนให้เกิดอันตรายกับร่างกายตามมาภายหลัง ดั้งนั้น การลดน้ำหนักจึงเป็นสิ่้งที่สำคัญมากๆ เป็นอันดับแรก และในปัจจุบันมีทางเลือกในการลดน้ำหนักมากมาย และหนึ่งในนั้นคือการใช้ปากกาลดน้ำหนัก ใช้ในการลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกายได้ และไม่มีการโยโย่ กลับมาภายหลัง
- ปากกาลดน้ำหนักคืออะไร
- สาเหตุทำไมเราถึงหิวบ่อย
- ทำไมปากกาลดน้ำหนักต้องเป็นแบบฉีด
- ปากกาลดน้ำหนักมีกี่ประเภท ใครเหมาะกับแบบไหน
- ประโยชน์ของปากกาลดน้ำหนัก
- ปากกาลดน้ำหนักเหมาะสมกับใครบ้าง
- ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับใครบ้าง
- ปากกาลดน้ำหนักปลอดภัยหรือไม่
- ทำไมถึงควรซื้อปากกาลดน้ำหนักที่ Doctor Tony Medical Center
- ปากกาลดน้ำหนักคาดหวังให้น้ำหนักลดลงได้กี่กิโลกรัม
- ข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ปากกาลดน้ำหนักมีวิธีการใช้อย่างไร?
- อาการข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ปากกาลดน้ำหนักซื้อที่ไหน
- การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก
- สาเหตุของอาการน้ำหนักเกินหรืออ้วน
- ข้ออันตรายจากยาลดความอ้วน
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร
ปากกาลดน้ำหนัก (Weight-Loss Pen) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากประเทศเดนมาร์กช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นตัวยาลดน้ำหนักที่อยู่ในรูปของปากกาสำหรับฉีดยา โดยมีตัวยา Liraglutide ทำงานคล้ายกับฮอร์โมนที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งหลั่งออกมาจากสำไส้หลังการรับประทานอาหาร โดยตัว GLP-1 จะออกฤทธิ์ไปที่สมองสั่งให้ รู้สึกอิ่ม ทำให้เรากินน้อยลงจึงช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้ โดยเฉพาะถ้าทำควบคู่ไปกับโปรแกรมลดน้ำหนัก อาทิเช่น การทำ IF หรือ การออกกำลังกายก็จะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
ข้อดีของปากกาลดน้ำหนักที่ทำให้เป็นที่นิยมคือ สามารถใช้เองได้ที่บ้าน ลักษณะเป็นด้ามปากกา สะดวก สามารถพกพาไปได้ที่ทุก
สาเหตุทำไมเราถึงหิวบ่อย
หลักการทำงานของปากกาลดน้ำหนัก
ปกติแล้วทางเดินอาหารจะเป็นตัวสร้าง GLP-1 ขึ้นมา พอเวลาที่เราทานอาหารเข้าไปผ่านทางเดินอาหาร GLP-1 จะหลังออกมาเพื่อไปกระตุ้นสมองเพื่อให้ส่งสัญญาว่าอิ่มได้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่เราเอาสาร GLP-1 มาเพื่อเป็นตัวช่วยในการควบคุมการอยากอาหาร ทำให้น้ำหนักของเราลดลงมานั่นเอง
ทำไมปากกาลดน้ำหนักต้องเป็นแบบฉีด
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าสาร GLP-1 ที่เป็นสารที่มีอยู่ในทางเดินอาหาร ซึ่งในทางเดินอาหารก็จะมีเอนไซม์ตัวนึงที่อยู่ในทางเดินอาหารเหมือนกัน ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่ไปทำลายสาร GLP-1 เช่นกัน ดังนั้นถ้าเป็นรูปแบบกินสาร GLP-1 ก็จะโดนทำลายในช่วงเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นแบบฉีดโดยที่เราฉีดเข้าไปที่ท้องสาร GLP-1 จะสามารถออกฤทธิ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพราะจะไม่โดนเอนไซม์ตัวนี้ทำลายไป
ปากกาลดน้ำหนักมีกี่ประเภท ใครเหมาะกับแบบไหน
ปกติ GLP-1 จะมีหลายรูปแบบมีแบบฉีดทุกวันและมีแบบฉีดอาทิตย์ละครั้ง โดยแนะนำให้ฉีดทุกวันเพราะจะมีผลค้างเขียงน้อยกว่า เพราะการที่ฉีดสัปดาห์ละครั้งจะต้องใช้จำนวน Dose ที่เยอะกว่า ทำให้มีผลค้างเขียงที่มากกว่าการฉีดแบบสัปดาห์ละครั้ง โดยทางทีมแพทย์ที่ Doctor Tony Clinic จะมีการสอนวิธีฉีดโดยส่วนมากคนไช้10 จาก 10 ที่มาใช้บริการจะบอกว่าไม่เจ็บเลย เพราะเรามีเทคนิคเฉพาะในการฉีดแบบไม่เจ็บ โดยจะเป็นเทคนิคในเรื่องของการวางองศาเข็มยังไง และการจับเนื้อที่ท้องบริเวณที่จะฉีดเข้าไปยังไงให้ไม่เจ็บ
ประโยชน์ของปากกาลดน้ำหนัก
- ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ง่ายขึ้น
- เป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย (GLP-1)
- ช่วยให้อิ่มได้นานขึ้นช่วยลดนิยสัยการกินจุกจิก กินไม่เป็นเวลา
- ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ช่วยในเรื่องของระบบความจำ
- ทำให้ฟังก์ชั่นการทำงานของหัวใจดีขึ้น
- ช่วยในเรื่องการทางเดินอาหาร เพราะเมื่ออาหารเคลื่อนที่ช้าลง เราก็จะอิ่มเร็วและนานขึ้นรวมไปถึงการทำงานของตับอ่อน
- นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ไม่เจ็บระหว่างฉีด
- ไม่กลับมาอ้วน ไม่มีโยโย่เอฟเฟ๊กต์
ปากกาลดน้ำหนักเหมาะสมกับใครบ้าง
- ผู้ที่ที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ ดัชนีมวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 คือมีภาวะน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่างๆเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วย
- ผู้ที่ต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล เช่น ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ผู้ที่ต้องการหาวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ไม่มีผลค้างเขียง ไม่กลับมาโยโย่
ปากกาลดน้ำหนักไม่เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ Liraglutide หรือมีประวัติการแพ้
- โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์
- โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต ตับ ลำไส้และกระเพาะอาหาร
- มีการใช้ยาเบาหวาน หรือยาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด
- อายุต่ำกว่า18ปี และอายุมากกว่า 75 ปี
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นม
ปากกาลดน้ำหนักปลอดภัยหรือไม่
ปากกาลดน้ำหนักได้รับการรับรองจาก (อ.ย) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่ามีความปลอดภัย สามารถใช้ในการควบคุมน้ำหนักได้ ภายใต้การดูแลของแพทย์*
ทำไมถึงควรซื้อปากกาลดน้ำหนักที่ Doctor Tony Clinic
- ให้คำปรึกษาและดูแลโดยแพทย์ผู้มีมากประสบการณ์เท่านั้น
- ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Doctor Tony Clinic ช่วยให้ฉีดแล้วไม่เจ็บและไม่มีผลข้างเคียง
- จัดเก็บอย่างถูกวิธีด้วยอุณภูมิที่เหมาะสม ทำให้ตัวยามีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ
- น้ำหนักค่อยๆลดลงอย่างสุขภาพดี ไม่โทรม และไม่มีโยโย่เอฟเฟ๊กต์
ปากกาลดน้ำหนักคาดหวังให้น้ำหนักลดลงได้กี่กิโลกรัม
จริงๆการลดน้ำหนักขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะลดลงได้กี่กิโล ซึ่งการใช้ปากกาลดน้ำหนักควรใช้ภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ โดยแพทย์ที่ Doctor Tony จะแนะนำให้เริ่มใช้ปริมาณที่น้อยก่อนจากนั้นเมื่อร่างกายคุ้นชินจึงค่อยๆเพิ่มขึ้น เพื่อให้การลดน้ำหนักลดอย่างยั่งยืน เพราะการที่โหมลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วหลายกิโลกรัมเพียงช่วงเวลสไม่นาน อาจทำเสี่ยงอาการโยโย่หรือการกลับมาอ้วนอีกครั้งหลังจากหยุดยาไป
ซึ่งที่ Doctor Tony Clinic ยังมีเทคนิคการฉีดแนะนำให้กับลูกค้าอีกมากมายเพื่อประสิทธิภาพที่ดีในระยะยาว และเทคนิคการฉีดที่ไม่เจ็บ รวมถึงช่วงเวลาการฉีดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนอีกด้วย
ข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- ปากกาลดน้ำหนักใช้ 1 คนต่อ 1 ด้ามเท่านั้น ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- การจัดเก็บปากกาลดน้ำหนักต้องควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดัน ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับตับและไตควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- อายุต่ำกว่า18ปี และอายุมากกว่า 75 ปี
ปากกาลดน้ำหนักมีวิธีการใช้อย่างไร?
- แพทย์จะแนะนำวิธีการใช้และเทคนิคการใช้ให้กับลูกค้า
- สามารถเลือกช่วงเวลาที่สะดวกในการฉีดได้ โดยควรจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันทุกวัน
- ปริมาณยาที่ฉีด (dose) จะขึ้นกับแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้เป็นรายบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการลดน้ำหนักของลูกค้าโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
หมายเหตุ:
1: แพทย์จะแนะนำและปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการฉีดให้เป็นรายบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าท่านั้นๆ ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Doctor Tony Clinic
2: ควรใช้ปากกาลดน้ำหนักหากต้องการผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนควรใช้ต่อเนื่องประมาณ 3-4 เดือน)
อาการข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงแรกๆหลังฉีดยา แต่จะเป็นอาการเพียวชั่วคราวเท่านั้นโดยท่านสามารถติดต่อทีมงานเพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้โดยตรง
ข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
เนื่องจากปากกาลดน้ำหนักจะเข้าไปช่วยตับอ่อนในการควบคุมและลดน้ำตาล แต่ถ้ากินน้ำตาลเข้าไป ทำให้น้ำตาลสูงในเลือด เมื่อทานน้ำตาลเข้าไป จะทำให้รู้สึกไม่ดี หรืออาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย เพราะตับอ่อนพยายามตอบสนองในการจำกัดน้ำตาล ดังนั้นช่วงที่ใช้ปากกาลดน้ำหนักจะไม่แนะนำให้ทานอาหารหรือของหวานที่มีน้ำตาลสูงๆ ซึ่งการลดน้ำตาลก็เป็น Lifestyle ที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะการลดน้ำหนักในระยะให้ยั่งยืนควรจะลดมาจากLifestyle ดังนั้นจะแนะนำให้เข้าคอร์สใช้ปากกาลดน้ำหนักในระยะสั้น หรือประมาณ 3 เดือนเพื่อปรับ Lifestyle ให้ทานอาหารน้อยลงโดยเฉพาะพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง โดยสามารถทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและทำ IF
ปากกาลดน้ำหนักซื้อที่ไหน
ปัจจุบัน ปากกาลดน้ำหนักสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้นเพราะกำลังได้รับความนิยม โดยสามารถหาซื้อจากอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อ ปากกาลดน้ำหนักจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เป็นผู้ให้คำปรึกษาและดูแลควบคุมรวมไปถึงการสอนเทคนิคการฉีดที่ถูกวิธีให้คือทางเลือกที่ดีที่สุด อีกทั้งการเลือกซื้อ ปากกาลดน้ำหนักจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกจากจะปลอดภัยแล้วยังช่วยให้ผู้ลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยอีกด้วย
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
- เก็บในตู้เย็น อุณหภูมิ2-8องศาเซลเซียส
สาเหตุของอาการน้ำหนักเกินหรืออ้วน
ไลฟ์สไตล์การบริโภคของคนยุคใหม่ ด้วยความเร่งรีบและต้องแข่งกับเวลาซะเป็นส่วนใหญ่ทำให้พฤติกรรมการบรโภคเปลี่ยนไป จากเดิมที่ได้ทานอาหารครบ 5 หมู่ แต่เนื่องด้วยยุคสมัยที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลักทำให้รับประทานอาหารแป้งมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานและเป็นที่มาของการพึ่งพายาลดน้ำหนักนั่นเอง
ซึ่งการทานยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐานและเน้นเห็นผลที่รวดเร็วจนเกินไป สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ถึงขั้นเสียชีวิตกันเลยทีเดียว
โดยสาเหตุหลักของน้ำหนักตัวมากกว่าปกติมีดังนี้
1. ทานอาหารเร็วเกินไป
การที่รับประทานอาหารเร็วไปทำให้การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด และทำให้ทานอาหารเข้าไปในปริมาณที่มากเกินพอดี
ดังนั้นการที่เราเพิ่มเวลาในการเคี้ยง ค่อยๆให้กระเพาะได้รับรู้รสชาติและปริมาณอาหารที่เข้าร่างกาย จะทำให้เราอิ่มเร็วขึ้นและทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
2. ทานเกินพอดีเพราะเสียดายอาหารที่เหลือ
การทานอาหารเหลือหลังจากที่เราอิ่มแล้วเพราะความเสียดายเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เรามีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ โดยอาจจะส่งผลถึงระบบต่างๆในร่างกายอีกด้วย
3. การทานอาหาร หรือ ขนมคบเคี้ยวระหว่างนั่งดูทีวี
พฤติกรรมที่ชอบทานอาหารหรือขนมคบเคี้ยว น้ำอัดลม น้ำหวานต่างๆ ระหว่างดูทีวี
ทำให้เกิดสภาวะน้ำหนักมากกว่าปกติได้
4. ทานอาหารเพื่อคลายเครียด
ส่วนมากเมื่อเกิดภาวะเครียดหลายคนเลือกที่จะรับประทานอาหารเพื่อลดความตึงเครียด บางทีเราทานในปริมาณที่มากเกินไปโดยไม่รู้ตัวทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินปกติเช่นกัน
5. ทานอาหารบุฟเฟ่ต์ เน้นความคุ้มค่า
เทรนด์บุฟเฟ่ต์ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนยุคนี้ โดยคนที่ไปทานบุฟเฟต์จะเน้นทานอาหารเพื่อความคุ้มค่ามากกว่าความพอดี ซึ่งเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้เป็นสาเหตุของน้ำหนักที่มากกว่าปกติ
6. ทานอาหารช่วงดึก
การทานอาหารช่วงดึกนอกจากจะเป็นการรบกวนระบบการย่อยอาหารในร่างกายแล้วยังเป็นอีกนึงสาเหตุที่ทำให้เราน้ำหนักเกินมากกว่าปกติได้ เพราะอาหารที่เราทานไปช่วงดึกนอกจากจะไม่ได้รับการย่อยอย่างเหมาะสมเรายังไม่ได้มีกิจกรรมไปย่อยอาหารเหล่านั้นอีกด้วย
7. ทานอาหารแล้วไม่ออกกำลังกาย
เช่นเดียวที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นแล้ว หากทานอาหารแล้วไม่ได้นำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ จะทำให้พลังงานเหลือคงค้างอยู่ในร่างกายและจะโดนแปรรูปไปเป็นไขมันส่วนเกินในที่สุด นำไปสู่ภาวะน้ำหนักตัวมากกว่าปกตินั่นเอง
ข้ออันตรายจากยาลดความอ้วน
1. ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ได้รับการรับรองจาก อย มีโอกาสที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติส่งผลให้ไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้เต้นผิดจังหวะไปด้วย ทำให้หัวใจต้องทำงานมากกว่าปกติ ซึ่งอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
2. ความดันในเลือดสูง
ยาลดน้ำหนักเป็นสาเหตุให้ความดันในกระแสเลือดสูงขึ้นผิดปกติ เนื่องจากยาลดน้ำหนักทำให้เลือดเข้าไปสูลฉีดไม่เพียงพอ
3. นอนไม่หลับ กดประสาท
ยาลดน้ำหนักมีฤทธิ์ไปกดประสาท ทำให้ประสาทส่วนกลางสั่งให้ไม่อยากอาหาร โดยอาการข้างเคียงที่ตามมาคือ คอแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน จนไปถึงอาการประสามหลอนจนถึงเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
4. วิตกกังวล
ผลข้างเคียงอีกของยาลดน้ำหนักอีกหนึ่งอย่างคืออาการวิตกกังวล จนอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเอง
5. อาการท้องผูก
เป็นผลมาจากกฤทธิ์ยาลดความอ้วน เนื่องจากการขาดสารอาหารทำให้ร่างกายไม่มีสารอาหารที่จำเป็นเข้าไปในระบบขับถ่ายเป็นสาเหตุให้มีอาการท้องผูกได้
6. อาการคัดจมูก
โทษของยาลดน้ำหนักคือ อาการคัดจมูกเพราะหลอดเลือดที่เยื่อบุจมูกอักเสบขยายตัว
7. อาการดื้อยา
เมื่อทานยาลดน้ำหนักแล้วไม่ได้ผลก็ต้องเปลี่ยนยี่ห้อให้แรงขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นสาเหตุให้เกิดอาการดื้อยาและส่งผลเสียต่อร่างกายในที่สุด
8. ร่างกายโดยรวมย่ำแย่เสียสุขภาพ
เนื่องจากเมื่อระบบประสาทถูกกดทับนานๆ ระบบและอวัยวะต่างๆของร่างกายก็จะทำงานผิดปกติ ร่วมด้วยกับการที่ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่ลงเรื่อยๆ และอาจะถึงกับเสียชีวิตได้