ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift Surgery) แผลผ่าตัดเล็ก พักฟื้นระยะสั้น โดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง
ศัลยกรรมดึงหน้า : อายุมากขึ้น ใบหน้าของเราจะเริ่มมีความหย่อนคล้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน อาทิ สภาพแวดล้อม แรงโน้มถ่วงของโลก แสงแดด เป็นต้น ทำให้ใบหน้าของเราดูมีอายุ ไม่สดใส จุดสังเกตง่าย ๆ คือ หางตาเริ่มตก หนังตาตก มีร่องใต้ตาชัด มีริ้วรอยบริเวณมุมปาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กรอบหน้าไม่ชัด
ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift Surgery)
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่สามารถช่วยยกกระชับใบหน้า ทั้งเลเซอร์ยกกระชับ อย่าง Ulthera Thermage สารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน อย่าง Sculptra Radiesse หรือแม้กระทั่งการร้อยไหมเพื่อยกกระชับ ซึ่งวิธีเหล่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยยังไม่มาก แต่สำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ๆ ในอายุ 40 – 50 ปีขึ้นไป สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์มากที่สุด
การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift Surgery)
เป็นการยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และตัดผิวหนังส่วนเกินเพื่อให้ใบหน้ากระชับและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการศัลยกรรมดึงหน้าจะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ดูเป็นธรรมชาติ โดยจะช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไวและอยู่ได้นาน ซึ่งจะแตกต่างจากทรีตเมนต์หรือการทำเลเซอร์ยกกระชับ ที่ช่วยเพียงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกลับมาดูเต่งตึง
บริเวณที่สามารถศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
- บริเวณใบหน้าส่วนบนและหางตา (Upper Facelift/Temporal Lift) แก้ไขปัญหาหางตาตก และรอยตีนกาบริเวณหางตา ทำให้ใบหน้าส่วนบนตึงขึ้น โหนกแก้มยกสูงขึ้น
- บริเวณใบหน้าส่วนกลางเเละส่วนล่าง (Lower Facelift) แก้ไขปัญหาร่องแก้มที่ลึกให้จางลง แก้ไขร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าส่วนล่างตึงและถูกยกขึ้น ใบหน้าเรียวเป็น V-shape
- บริเวณใบหน้าส่วนล่าง (Neck Lift) – ทำให้ผิวบริเวณลำคอตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ลดเหนียงบริเวณคอ เพื่อให้อ่อนเยาว์ทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ
ผู้ที่เหมาะกับการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- ผู้มีปัญหาเรื่องตีนกา, ร่องแก้ม, รอยย่นบนผิวหน้า, หางตาไม่เท่ากัน, มีปัญหาเรื่องแก้มห้อย, แก้มไม่เท่ากัน ที่การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ตอบโจทย์
- ผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดน้ำหนักให้ได้ตามที่ต้องการก่อนการผ่าตัด
- ไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคที่มีความผิด–ปกติของการหายของแผล (Ehlers-Danlos Syndrome) เป็นต้น
- ไม่ได้อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
อายุเท่าไหร่ถึงสามารถศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าได้
ขึ้นกับปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้า ไม่ได้มีอายุที่กำหนดตายตัว หากคนไข้กังวลใจ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งหากมีความหย่อนคล้อยเยอะโดยที่วิธีการกระชับผิวแบบอื่นๆ เช่น การร้อยไหม การทำเลเซอร์ยกกระชับ ไม่ตอบโจทย์ แนะนำให้ทำการผ่าตัดดึงหน้าจะช่วยแก้เรื่องปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด โดยทั่วไปแล้วอายุเฉลี่ยของคนไข้ที่ทำการผ่าตัดดึงหน้า จะอยู่ที่ประมาณ 45 ปี ขึ้นไป
หลังศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงผลลัพธ์จะเข้าที่ โดยปกติจะอยู่ที่ 1-3 เดือน หลังการผ่าตัด ขึ้นกับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องใช้ประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำศัลยกรรม
- งดรับประทานกลุ่มยาต้านเกร็ดเลือดเเละยาละลายลิ่มเลือด (Aspirin, Warfarin) ก่อนการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน จะต้องคุมอาการของโรคเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ก่อนการผ่าตัด
- หากมีประวัติการแพ้ยาที่รับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ควรเเจ้งให้แพทย์ทราบ
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและหลังผ่าตัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- อาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
- สำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาสลบ ควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดใส่ง่าย ในวันผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องใช้ประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำศัลยกรรม
- งดรับประทานกลุ่มยาต้านเกร็ดเลือดเเละยาละลายลิ่มเลือด (Aspirin, Warfarin) ก่อนการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน จะต้องคุมอาการของโรคเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ก่อนการผ่าตัด
- หากมีประวัติการแพ้ยาที่รับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ควรเเจ้งให้แพทย์ทราบ
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและหลังผ่าตัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- อาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
- สำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาสลบ ควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดใส่ง่าย ในวันผ่าตัด