belotero filler

Belotero ฟิลเลอร์งานผิว เนียนเด้ง ชุ่มชื้นฉ่ำวาว 

ในปัจจุบันผู้คนสมัยนี้หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ทั้งนวัตกรรมต่างๆ ได้พัฒนามากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านการแพทย์ รวมไปถึงด้านความงาม รวมไปถึงฟิลเลอร์ และวันนี้จะพามารู้จัก ฟิลเลอร์งานผิวสุดปัง ที่โดดเด่นมากๆ ในเรื่องผิวอย่าง Bolotero

ฟิลเลอร์ในท้องตลาดมีหลากหลายยี่ห้อให้เราเลือกซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นและรุ่นที่เหมาะกับปัญหาผิวต่างกัน เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับการนิยมเป็นลำดับต้น ๆ เพราะราคาไม่สูงมาก นำเข้าโดย Merz Aesthetics Thailand ผ่านการขึ้นทะเบียนองค์การอาหารและยาในยุโรปสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยจึงเชื่อมั่นได้ในความปลอดภัย

ฟิลเลอร์ คือ อะไร?

คือสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีความคงตัวสูงมีคุณสมบัติในการดูดของเหลวเป็นสารที่เรามีอยู่ในร่างกายอยู่แล้วจึงปลอดภัยไม่เสี่ยงต่อการแพ้และไม่เป็นอันตรายนอกจากนี้ยังสามารถสลายไปเองได้โดยไม่เหลือสารตกค้างปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลายทั้งริ้วรอยเพิ่มความฉ่ำวาวหรือเติมเต็มบริเวณร่องลึกบริเวณใบหน้า

จุดเด่น

บีโลเทโล่ ถูกขนานนามว่าเป็น Colorfull Filler เพราะมีสีสันที่สะดุดตา ซึ่งแต่ละสีหรือรุ่น จะมีคุณสมบัติ โมเลกุลที่แตกต่างกัน เพื่อให้การเติมเต็มเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวหน้า นอกจากนี้  ยังเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเนียน ให้ผลลัพธ์ที่กลืนกับผิวได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนหลังฉีด ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีเฉพาะยี่ห้อนี้เท่านั้น

ฟิลเลอร์ BELOTERO แต่ละสี แตกต่างกันยังไง

รุ่น VOLUME กล่องสีม่วง

รุ่นนี้เนื้อฟิลเลอร์ มีความยืดหยุ่น คงตัว อยู่ได้ เหมาะสำหรับการเพิ่มมิติให้กับ 3 จุดสำคัญบนใบหน้า ได้แก่ บริเวณคาง แก้ม และขมับ ช่วยให้รูปหน้าดูสมส่วนมากขึ้น และคงความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน

รุ่น INTENSE กล่องสีชมพู

รุ่นนี้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่มีการขยับใบหน้า เช่น เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม เติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เพื่อเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน

รุ่น BALANCE กล่องสีส้ม

ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติทำให้ผิวเรียบเนียน แก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตา เพิ่มความสดใส ให้ดวงตาสดใส เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน อยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน

รุ่น SOFT กล่องสีเหลือง

ฟิลเลอร์รุ่นที่มีเนื้อละเอียด โมเลกุลเล็ก สามารถกลืนกับผิวหน้าได้ดี เหมาะสำหรับการเพิ่มหรือคืนความสดใสฉ่ำวาวให้ผิวหนังชั้นตื้นและความเรียบเนียนให้กับผิวหน้า ให้ผิวใสฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน

*ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

CPM Technology คืออะไร

เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง Dynamic Cross-Lining Technology (DCLT) หรือ Double Crosslink ก่อให้เกิดกระบวนการ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ที่มีความยืดหยุ่นยึดเกาะแน่นและเรียบเนียนไม่เป็นก้อน

ฟิลเลอร์ Belotero แตกต่างกับ ฟิลเลอร์ Juvederm อย่างไร ?

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีหลากหลายรุ่นที่เหมาะกับปัญหาผิวซึ่งเหมือนกับ Belotero และ Juvederm ซึ่ง Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ผลิตโดยบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีส่วนผสมของ LIDOCAINE ที่เป็นยาชา ช่วยลดความเจ็บและเพิ่มความผ่อนคลาย ขณะฉีด และยังได้พัฒนา เทคโนโลยี Vycross ทำให้สารเติมเต็ม สามารถยกกระชับได้ดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปีขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ Belotero ของแท้

หากใครที่ไม่มั่นใจว่าคลินิกที่เราทำใช้ ฟิลเลอร์ Belotero ของแท้หรือเปล่า สามารถตรวจสอบได้ เพื่อความมั่นใจ และความปลอดภัย ได้ดังนี้

  • ขูดสติกเกอร์ข้างกล่อง เพื่อสแกน QR ตรวจสอบ
  • เลข Lot ที่กล่องและที่หลอดต้องตรงกัน
  • มีวันที่ผลิตและวันหมดอายุ บริเวณล่างกล่อง
  • มีเลขที่ใบอนุญาต เอกสารกำกับ ตามระเบียบข้อบังคับของ อย.ไทย
  • ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์ ผ่านเว็บไซต์ www.merzclubthailand.com

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

ก่อนฉีด 1 สัปดาห์ ควรหยุดกินวิตามินอี น้ำมันปลา คอลลาเจน สารสกัดแปะก๊วย (กิงโกะ) ยาลดการแข็งตัวของเลือด และยาแก้ปวดบางชนิด (แอสไพรินและยาในกลุ่ม NSAIDs) เนื่องจากอาหารเสริมและยาเหล่านี้ทำให้เลือดออกแล้วหยุดยาก อาจทำให้มีรอยเขียวช้ำจากอาการเลือดออกใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หากมีโรคประจำตัว เคยมีประวัติแพ้ยาหรืออาหารเสริม กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดเช่นเดียวกัน

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

ก่อนฉีด 1 สัปดาห์ ควรหยุดกินวิตามินอี น้ำมันปลา คอลลาเจน สารสกัดแปะก๊วย (กิงโกะ) ยาลดการแข็งตัวของเลือด และยาแก้ปวดบางชนิด (แอสไพรินและยาในกลุ่ม NSAIDs) เนื่องจากอาหารเสริมและยาเหล่านี้ทำให้เลือดออกแล้วหยุดยาก อาจทำให้มีรอยเขียวช้ำจากอาการเลือดออกใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หากมีโรคประจำตัว เคยมีประวัติแพ้ยาหรืออาหารเสริม กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดเช่นเดียวกัน