จัดเรียงไขมันใต้ตา fat repositioning under the eyes

จัดเรียงไขมันใต้ตา ให้ใต้ตาอิ่มฟู ละมุน ดูอ่อนกว่าวัย

จัดเรียงไขมันใต้ตา คืออะไร?

วิธีจะเป็นการย้ายไขมันไปคลุมบริเวณใต้ตาโดยไม่ต้องตัดออก (Orbital Fat Repositioning) โดยแพทย์จะผ่าตัดย้ายไขมันจากถุงใต้ตามาถมบริเวณขอบตาล่าง เทคนิคนี้จะเปิดแผบด้านในตา ทำให้มองไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด ซึ่งเมื่อจัดเรียงไขมันจะทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาดูเต็มขึ้น ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และช่วยแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้อีกด้วย

การผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตา ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนาน หรือท่านที่ไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มฟิลเลอร์ รวมถึงการเติมไขมัน ซึ่งจะอยู่ได้เพียง 1-2 ปี

ลักษณะของไขมันใต้ตา?

ถุงไขมันบริเวณใต้ตาที่ถูกดันนูนออกมา เราเรียกว่า “ถุงใต้ตา (Eye bags)” เป็นผิวหนังใต้ตาที่มีลักษณะหย่อนคล้อย มีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เปลือกตาด้านล่างดูบวม หรือนูน ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย ไม่สดใส

ข้อดีของการผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตา?

ลดขนาดถุงใต้ตา ริ้วรอย รอยคล้ำบริเวณใต้ตาให้เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ให้ผลลัพธ์กึ่งถาวร เมื่อเวลาผ่านไปความกระชับของเนื้อเยื่อจะลดลงตามเวลา ทำให้มีโอกาสกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งได้ ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดโดยการจัดเรียงไขมันที่ใต้เยื่อบุเปลือกตาในส่วนที่แข็งแรงด้านล่างสุด ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ไร้รอยแผลเป็น เนื่องจากเป็นการกรีดแผลบริเวณเยื่อบุเปลือกตาด้านใน

ไขมันใต้ตาเกิดจากอะไร?

ปกติของคนเราจะไขมันใต้ตาอยู่แล้ว คอยทำหน้าที่รองรับลูกตาและป้องกันการกระทบกระเทือน ซี่งเรียกว่า “ถุงไขมัน” มีทั้งบริเวณเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง แต่เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณนี้ จะค่อยๆเสื่อมสภาพ ยุบตัวลง ทำให้ถุงไขมันที่หลบอยู่ใต้ผิวหนัง ถูกดันนูนออกมาจนมองเห็นได้ชัดเจน

จัดเรียงไขมันใต้ตา เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาขอบตาล่างค่อนข้างบุบ หรือแก้มค่อนข้างโบ๋
  • มีไขมันใต้ตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอย
  • ไม่ต้องการรักษาด้วยวิธีฉีดฟิลเลอร์ หรือเติมไขมัน

การจัดเรียงไขมันใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

การผ่าตัดถุงไขมันหรือการผ่าตัดจัดเรียงไขมันใต้ตา ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน โดยปกติแล้วจะสามารถอยู่ได้นานหลายสิบปี แต่ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ความกระชับของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อรอบ ๆ ดวงตาก็อาจเสื่อมลงตามวัย ซึ่งอาจทำให้ปัญหานี้กลับมาได้เช่นกัน คนไข้จึงจำเป็นต้องคอยดูแลตัวเองเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานที่สุด