ศัลยกรรมดูดไขมัน ปรับรูปร่าง ด้วยโปรแกรม Vaser smooth 2.2
ศัลยกรรมดูดไขมัน เป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย ถ้าใครอยากหุ่นดีแต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย คุมอาหารสารพัด แต่ยังมีไขมันส่วนเกินมากวนใจ ออกกำลังกายหนัก แต่ยังมีจุดแอบปลิ้น ใครที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่าานี้อยู่ ที่ลองมาแล้วหลายวิธีแต่หุ่นยังไม่ได้แบบที่ตั้งใจ มีไขมันบางจุดลดยากเกินไป DOCTOR TONY CLINIC เรามีทางลัด
ศัลยกรรมดูดไขมัน คืออะไร
สำหรับคนอยากหุ่นดี กับการดูดไขมันส่วนเกิน ที่สามารถเลือกได้ทั้งดูดทั้งตัว หรือเลือกดูดเฉพาะจุด อีกหนึ่งศัลยกรรม ปั้นหุ่นสวย ที่จัดการเรื่องรูปร่าง แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย เห็นผลไว ทำได้ทุกส่วน
การดูดไขมัน อีกหนึ่งศัลยกรรมที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน รวดเร็ว การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนรูปร่างเฉพาะจุด หรือไขมันสะสมบางจุดที่กำจัดออกยาก เช่น ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ไขมันใต้คาง (เหนียง) ไขมันบริเวณปีกหลัง น่อง เป็นต้น
ที่ Doctor Tony Clinic เรามีเทคโนโลยีการดูดไขมันหลายประเภท ดูดไขมันได้ปริมาณมาก มีแผลขนาดเล็ก ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล เจ็บน้อย เห็นผลไว หลังทำสัดส่วนเล็กลงทันที ซึ่งเทคนิคการดูดไขมันที่ส่วนมากจะรู้จักกันมี 3 เทคโนโยลีที่ด้วยกันได้แก่ Vaser smooth 2.2 , Body Tite และ J Plasma ทุกเทคนิคทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการทุกเคส ทำการผ่าตัด ดูดไขมันในห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัย ปลอดเชื้อมีวิสัญญีแพทย์ คอยดูแลอย่างใกล้ชิดแบบ 1:1 และมี ทีมพยาบาล วิชาชีพ ดูแลตลอดการเข้ารับบริการ
ดูดไขมันเฉพาะจุด
สามารถใช้ยาชาแทนการวางยาสลบได้ แต่หากผู้เข้าบริการดูดไขมันปริมาณมาก หรือต้องการใช้ยาสลบ ทุกกรณีจะมีวิสัญญีแพทย์ดูแลใคำแนะนำตลอดการเข้ารับบริการทุกเคส
-
ไขมันในร่างกาย
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) คือไขมันที่อยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง เป็นไขมันที่เราสามารถจับขึ้นมาแล้วเป็นก้อนๆ ตามผิวหนังนั่นเอง ซึ่งเกิดได้ทุกที่ ทุกส่วนของร่างกาย ในบริเวณที่มีไขมันสะสม อาทิ หน้าท้อง ต้นขา เหนียงใต้คาง ท้องแขน ฯลฯ วิธีการตรวจเช็คด้วยตนเองแบบง่ายคือการ บีบจับแล้วเป็นก้อนขึ้นมา หรือการวัดโดยละเอียดด้วยการใช้เครื่องวัดไขมันบีบที่ผิวหนังเพื่อบอกปริมาณไขมันที่มี (total body fat) ของร่างกายได้
จุดเด่นและคุณสมบัติของเครื่อง Vaser smooth 2.2
การดูดไขมัน จะเป็นการดูดไขมันที่สะสมบริเวณชั้นใต้ผิวหนังเท่านั้น โดยปริมาณของไขมันที่ ดูดแต่ละจุดขึ้น อยู่กับตำแหน่ง และ ปริมาณไขมัน ที่สะสมของแต่ละบุคคล ดังนั้นการเลือกเครื่องลดไขมัน ของแต่ละบุคคล จึงเลือกการใช้ที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะเป็นผู้ร่วมแนะนำและประเมิน การใช้เครื่องดูดไขมัน ให้เหมาะสมแต่ละบุคคล โดยแต่ละเครื่องจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันบ้าง ดังนี้
1.จุดเด่นของเครื่อง Vaser smooth 2.2
- สามารถดูดไขมันได้เยอะ
- ใช้เวลาไม่นาน
- อาการเจ็บช้ำบวมน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ
- ดูดได้ทุกส่วนของร่างกาย
- สามารถดูดไขมันได้ดีในเคสที่มีพังผืดเยอะและชั้นไขมันหนา
ดูดไขมันด้วย Vaser smooth 2.2 เป็นการดูดไขมันที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ โดยจะส่งผ่านพลังงานความร้อน เข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิว ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัวและสลายออกมา การดูดไขมันด้วยเทคนี้ จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
2.จุดเด่นของเครื่อง Body Tite
- ดูดไขมันพร้อมสร้างคอลลาเจน
- ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
- เจ็ยน้อย แผลเล็ก
- พักฟื้นไม่นาน
การดูดไขมันด้วย Body Tite เป็นการดูดไขมันที่ใช้พลังคลื่นความถี่วิทยุ (RF : Redio Frequency) โดยจะใช้ ท่อแรงดัน สุญญากาศ เข้าไปทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว ทำลายเซล์ไขมัน และดูดออกมา ในขณะที่ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ นอกจาก ไขมัน จะถูกทำลายลงแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จัดเรียงโครงสร้างชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้นหลังทำการดูดไขมันอีกด้วย
3.จุดเด่นของเครื่อง J Plasma
- ผิวกระชับ เรียบตึงขึ้น
- แก้ปัญหาผิวย้วย หย่อนคล้อยได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด
- แผลเล็ก เจ็บน้อย
- ฟักพื้นน้อย
- เห็นผลทันทีหลังทำเสร็จ
J Plasma เป็นเทคโนโลยีในการช่วยกระชับสัดส่วน กระชับผิวหย่อนคล้อยจากการสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความปลอดภัย ได้รับการรับรอง จาก US FDA และ TH FDA ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทำการดูดไขมันปริมาณมากแล้วต้องการกระชับสัดส่วน จะช่วยทำให้ เห็นผลได้เร็วยิ่งขึ้น โดยการทำ J Plasma จะเข้าไปกระตุ้นเนื้อเยื่อ ที่เกิดเป็นช่องว่างหลังจากการดูดไขมันให้เชื่อมติดกัน และกระตุ้นคอลลาเจนให้ชั้นผิวมีความกระชับ เปลี่ยนผิวย้วย ผิวย้อย ให้กลับมาเป็นผิวเรียบ ผิวตึง ผิวกระชับ และยังช่วย ร่นระยะเวลาการใส่ชุดยกกระชับได้อีกด้วย
ดูดไขมัน เหมาะกับใครบ้าง?
เมื่อพูดถึงไขมัน เราอาจจะคิดไปถึงกลุ่ม ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เท่านั้นที่เหมาะกับการดูดไขมัน แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปรกติ ก็มีปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินได้เช่นกัน หากแต่เป็นไขมันที่เกิดขึ้นเฉพาะจุด ซึ่งการออกกำลังกายเพื่อให้ลดไขมันจุดใดจุดหนึ่งนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นการดูดไขมันจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกท่านที่มีไขมันส่วนเกิน ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
- ผู้ที่มีไขมันสะสม ไม่สามารถออกกำลังกายได้
- ผู้มีปริมาณน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่มีปัญหาสัดส่วนไม่สมส่วนเฉพาะจุด
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว แต่ไม่สามารถกำจัดไขมันออกได้
- ผู้ที่อยากมีรูปร่างหรือสัดส่วนที่เล็กลง
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปร่าง รวดเร็ว เห็นผลไว
ข้อดีของการดูดไขมัน
- ลดไขมันสะสมส่วนเกินเฉพาะจุดได้ดี
- สัดส่วนเล็กลงทันทีหลังทำเสร็จ
- เลือกกำจัดไขมันให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมได้
- เพิ่มความมั่นใจในการส่วมใสเสื้อผ้า
- เป็นแผลเป็นขนาดเล็ก
- ใช้เวลาไม่นาน ได้รูปร่างตามต้องการ
- เห็นผลไว
ดูดไขมันจุดไหนได้บ้าง?
การดูดไขมัน สามารถทำได้เกือบทุกบริเวณ ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ที่ใต้ผิวหนัง ตั้งแต่การดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมันแผ่นหลัง, ดูดไขมันต้นขา, ดูดไขมันสะโพก, ดูดไขมันก้น, ดูดไขมันต้นแขน, ดูดไขมันเหนียง, ดูดไขมันน่อง, ดูดไขมันปีกหลัง, ดูดไขมัน Sexy Line รวมไปการดูดไขมันข้อเท้า ก็สามารถดูดไขมันออกมา เพื่อให้มีความเรียวเล็กเซ็กซี่ได้เช่นกัน และสำหรับคนที่อยากลดไซส์สัดส่วนทั้งตัวในครั้งเดียว ก็สามารถดูดไขมันทั้งตัวได้ ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะมีแผลดูดไขมันที่แตกต่างกันไป อาทิ
เตรียมความพร้อมก่อนการดูดไขมัน
- งดอาหารและเครื่องดื่มก่อนการดูดไขมัน 8 ชม.
- งดดื่มแอลกอฮอลล์
- งดส่วมใส่เครื่องประดับทุกชนิด
- งดการทำทาสีเล็บ
- หากมีปัญหาด้านฟันแจ้งแพทย์ก่อนทำการผ่าตัด
- หากมีโรคประจำตัวแจ้งแพทย์ก่อนดูดไขมัน
- งดทานวิตามินและอาหารเสริม Vitamin E, Fish oil หรือ Ginko เป็นต้น
การดูแลหลังดูดไขมัน
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน
- ห้ามโดนน้ำ หลีกเลี่ยงการทำให้แผลมีความชื้น
- งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรม ที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ
- หลังผ่าตัดดูดไขมัน หากรู้สึกปวดบวม สามารถรับระทานยาแก้ปวดและประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการปวด
- ใส่ผ้ารัดหรือชุดซัพพอร์ตตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผิวกระชับตลอด และให้ทำการปลดชุดซัพพอร์ตออกเป็นระยะ หลีกเลี่ยงการเป็นแผลกดทับ
- หลังดูดไขมัน ควรงดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ 1 เดือน
- เน้นรับประทานอาหารประเภทโปรตีน
- งดทานวิตามินและอาหารเสริม Vitamin E, Fish oil หรือ Ginko เป็นต้น
การดูดไขมัน ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคนไข้ และการประเมินของแพทย์ควบคู่กันไปครับ ซึ่งคนที่ไม่ควรดูดไขมัน หรือดูดไขมันแล้วมีความเสี่ยงคือ คนที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ, โรคเส้นเลือดสมอง, โรคแพ้ภูมิตัวเอง, โรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้, โรคไทรอยด์ที่ยังควบคุมระดับไม่ได้ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจดูดไขมันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย จะต้องคำนึกถึงสถานที่ที่ให้บริการ แพทย์ เทคนิค การดูดไขมัน และเครื่องที่ใช้ ในการดูดไขมัน เพราะการแก้ไขปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด จะต้องใช้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ จากแพทย์ ในการวิเคราะห์ ปัญหาเฉพาะจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วอย่างปลอดภัยและยั่งยืน