เสริมจมูกโอเพ่น หรือ Open Nose Reconstruction
เป็นการเสริมจมูก เพื่อปรับฐานโครงสร้างของจมูก แบบครอบคลุมทั้งหมด สามารถแก้ไขปัญหาจมูกได้อย่างตรงจุด โดยศัลยแพทย์ จะทำการผ่าตัด เปิดฐานปลายจมูก ทั้งสองข้าง ให้เห็นถึงโครงสร้างภายใน ทำให้สามารถวิเคราะห์ แก้ไข และปรับแต่งทรงได้ตามที่ต้องการ โดยอาจใช้กระดูกอ่อนหลังหู หรือ กระดูกซี่โครงในการเสริมร่วมด้วย เพื่อให้สันจมูกมีความสโลปดูเป็นธรรมชาติ ปรับแต่งปลายจมูกได้ทรงที่ต้องการ ยืดปลายจมูกให้ดูพุ่งขึ้น และลดปัญหาปลายทะลุ
สารบัญโปรแกรม ศัลยกรรมเสริมจมูก OPEN
- เสริมจมูกแบบโอเพ่น หรือ Open Nose Reconstruction
- เสริมจมูกแบบ Open Rhinoplasty เหมาะกับใคร ?
- ข้อดีของการเสริมจมูกแบบโอเพน
- การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด
- จุดเด่น ในการเสริมจมูก open
- ข้อจำกัด ในการเสริมจมูก open
- เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหูต่างกับแบบอื่นอย่างไร ?
- เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหูแล้วจะมีแผลเป็นไหม ?
- วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก
- รีวิว ศัลยกรรมเสริมจมูก Open
เสริมจมูกแบบ Open Rhinoplasty เหมาะกับใคร ?
ผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย, จมูกสั้น, จมูกคดเบี้ยวผิดรูป ผู้ที่มีปัญหาจมูกมีฮัมพ์สูง ผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมจมูกมาแล้วจนเกิดพังผืดสะสม ผู้ที่ผ่านการฉีดสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ หรือซิลิโคนเหลว
- ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกกับซับซ้อน ไม่สามารถเสริมด้วยซิลิโคนได้
- ผู้ที่มีสันจมูกคด
- ผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย ผิวบาง
- ผู้ที่มีจมูกสั้นมาก
- ผู้ที่มีจมูกใหญ่
- ผู้ที่มีปลายจมูกงุ้ม
- ผู้ที่มีปัญหาฮัมพ์ที่สันจมูก
- ผู้ที่จมูกลักษณะคล้ายลูกชมพู่ (จมูกโต)
- ผู้ที่ต้องการปรับแต่งเปลี่ยนทรงจมูกใหม่
- ผู้ที่ต้องการได้ปลายจมูกมีความพุ่ง
- ผู้ที่เคยฉีดสารเหลว หรือ ฉีดฟิลเลอร์จมูกมาก่อน
ข้อดีของศัลยกรรมผ่าตัด เสริมจมูกโอเพ่น
- สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกได้อย่างตรงจุด
- ปรับความโด่งและเลือกรูปทรงได้ตามที่ต้องการ
- สามารถเสริมได้ทุกทรง
- ตกแต่งจมูกให้เรียวสวย ได้รูปทรงจมูกที่สันสโลปสวยดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถยืดผนังปลายจมูกให้ยาวขึ้น ดูพุ่งขึ้นได้
- ลดความเสี่ยงซิลิโคนทะลุ เบี้ยง หรือเอียง
- ผลลัพธ์ทรงจมูกตามที่ต้องการ ปลายพุ่ง ปลายหยดน้ำ แม้เนื้อจมูกน้อย
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด
มักจะต้องใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นของร่างกายเพื่อนำมาเป็นโครงสร้างของจมูกที่จะเสริมใหม่ โดยกระดูกอ่อนที่นิยมนำมาใช้ ได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู (Ear cartilage), กระดูกอ่อนแกนจมูก (Septal cartilage), และกระดูกอ่อนซี่โครง (Costal cartilage) ที่จะช่วยยืดจมูกให้ปลายพุ่งสวยมากกว่าและป้องกันการทะลุ
เสริมจมูกโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู คือ กระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณส่วนแอ่งกึ่งกลางของใบหู (Concha) ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร มีความแข็งแรง โดยคุณหมอจะผ่าตัดนำออกมา ตัดแต่งเป็นวงกลมและเย็บติดกับปลายซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูก วิธีนี้เป็นการเสริมจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนบริเวณหลังใบหู สามารถนำมาใช้แก้ไขโครงสร้างได้ละเอียด เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยผ่านการทำจมูกมาแล้วมีปัญหา เช่น เกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อ เสี่ยงต่อการทะลุ รวมถึงเคสที่ร่างกายต่อต้านซิลิโคน
กระดูกอ่อนแกนจมูกและกระดูกอ่อนหลังหู ข้อดีคือสามารถเอามาได้ง่ายหรือถ้าเคยใช้กระดูกอ่อนแกนจมูกและหลังหูไปแล้ว อาจพิจารณาใช้กระดูกอ่อนซี่โครงแทน ดังนั้นหากต้องการเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรได้รับการประเมินจากแพทย์โดยละเอียด รับทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดตามที่คาดหวังไว้ และหลังจากเข้ารับการผ่าตัดก็ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด
เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหูต่างกับแบบอื่นอย่างไร ?
เทคนิคการเสริมจมูก นอกจากกระดูกอ่อนหลังหูแล้ว ยังมีวัสดุและกระดูกอ่อนส่วนอื่น ๆ ที่นำมาใช้เสริมจมูก เช่น กระดูกอ่อนซี่โครง, เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อเทียมโดยมีความแตกต่างกันดังนี้
กระดูกอ่อนหลังหู
เป็นเนื้อเยื่อของเราเองจึงมีความปลอดภัยสูงลดความเสี่ยงเรื่องอาการแพ้สามารถเพิ่มพื้นที่ปลายจมูกให้หนาและยาวขึ้นได้ช่วยลดอาการเสียดสีของซิลิโคนไม่ให้ดันเนื้อปลายจมูกจนทะลุดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและสามารถใช้ในเคสแก้ไขจมูกได้
กระดูกอ่อนซี่โครง
เป็นเนื้อเยื่อของเราเองเช่นกัน จึงลดความเสี่ยงเรื่องอาการแพ้ได้ เหมาะสำหรับเคสที่มีกระดูกอ่อนหลังใบหูไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ สามารถใช้ส่วนของกระดูกอ่อนซี่โครงในการทำจมูกแทนซิลิโคนได้ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
เนื้อเยื่อเทียม
เป็นวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นจากคอลลาเจน นำมาใช้รองปลายจมูกเพื่อลดความเสี่ยงในการทะลุ เป็นวัสดุที่มีคุณภาพ ลักษณะเป็นแผ่นนิ่ม ๆ คล้ายฟองน้ำ ใช้อย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้จมูกจากปัญหาผิวหนังบาง หรือคนที่เสริมใหม่และต้องการให้มีปลายที่ยาวขึ้น แต่เนื่องจากเป็นวัสดุสังเคราะห์จึงมีโอกาสเกิดการแพ้ได้
เสริมจมูกกระดูกอ่อนหลังหูแล้วจะมีแผลเป็นไหม ?
กระดูกอ่อนหลังหู ไม่ได้มีส่วนสำคัญกับโครงสร้างของใบหูมากนัก เมื่อตัดออกมา ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อใบหู ไม่เสียทรง หรือผิดรูปแต่อย่างใด ส่วนแผลหลังการผ่าตัดจากการนำกระดูกอ่อนหลังใบหูออกมาแผลจะอยู่บริเวณรอยพับหลังใบหู สังเกตเห็นได้ยาก หลังทำผ่านไป รอยแผลหลังหู ก็จะค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ
เทคนิคการเสริมจมูกแต่ละแบบจะมีข้อดี จุดเด่นและความเหมาะสมกับบุคคลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในแต่ละเทคนิค จะประกอบไปด้วยเทคนิคย่อย ๆ ร่วมด้วย ดังนั้น ก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาของโครงสร้างจมูกว่าเหมาะกับวิธีไหนมากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาหลังการผ่าตัด และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย
ที่ Doctor Tony Clinic
เรามีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดภายในห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานสากล ปลอดภัย ปลอดเชื้อ และมีเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพโดยเฉพาะพร้อมดูแลตลอดหลังการผ่าตัด ทำให้มั่นใจในการดูแล ใส่ใจตั้งแต่ก่อนทำ จนกระทั่งหลังทำ สวยแบบปลอดภัยอย่างแน่นอน
วิธีดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรม เสริมจมูกโอเพ่น
- 1-3 วันแรกให้ประคบเย็นด้วยเจลประคบเย็น (โคลด์แพ็ค) และหลังจากวันที่ 3 ให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่นประมาณ 3 วัน โดยจุดประคบเย็นมีทั้งหมด 6 จุด ดังนี้
1.1.เบ้าตา – ด้านซ้าย
1.2.เบ้าตา – ด้านขวา
1.3.หน้าแก้ม – ด้านซ้าย
1.4.หน้าแก้ม – ด้านขวา
1.5.ระหว่างคิ้ว - นอนยกหัวสูง (ควรใช้หมอนรองคอช่วย) และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง 1 เดือน
งด รับประทานของหมักดอง และอาหารที่มีรสจัด แนะนำให้ทานอาหารที่มีรสชาติอ่อน ในช่วง 1 เดือน - งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 1 เดือน
- ห้าม แคะ แกะ หรือเกา บริเวณจมูก หากรู้สึกคันให้ใช้คอตตอนบัด หรือสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ และระวังอย่าให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือน
ระวัง อย่าให้แผลโดนน้ำ ประมาณ 1 อาทิตย์ - หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือกีฬาประเภทที่ใช้แรงกระแทก เป็นเวลา 4 สัปดาห์
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาลดบวม ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และมาพบแพทย์ตามนัด
- การทำแผลใช้คอตตอนบัดชุบน้ำเกลือเช็ดแผล และทาขี้ผึ้งฆ่าเชื้อ วันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าไหมจะหลุดหมด
- อาการหลังการศัลยกรรมที่ต้องเจอเป็นเรื่องปกติ
อาการบวมช้ำ อาจเกิดขึ้นได้ 2-3 วัน สามารถแก้ได้ด้วยการประคบเย็น 3 วัน หลังจากนั้นประคบอุ่นต่ออีก 3 วัน อาการตึงรั้งบริเวณแผล
อาจรู้สึกตึงในช่วงแรกหลังจากผ่าตัด เนื่องจากแผลยังไม่เข้าที่ อาจต้องรอประมาณ 5-7 วัน อาการตึงจึงจะค่อย ๆ ลดลง อาการเจ็บแผล ให้ทานยาแก้ปวด
อาจมีอาการในช่วง 2-3 วันแรก แต่เมื่อร่างกายเริ่มสร้างเนื้อเยื่อใหม่มารักษาแล้ว อาการเจ็บจะค่อย ๆ หายไป หรือหากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เช่น
1. แผลอักเสบ เช่น มีอาการเจ็บ ปวด แดง มีหนองไหล
2. เลือดไหลไม่หยุด
3. ความดันต่ำ หรือรู้สึกไม่มีแรง - อาหารหลังการศัลยกรรม 3 อย่างที่ห้ามทานเด็ดขาด!
- อาหารรสเผ็ด หรือร้อน
เพราะอาจทำให้มีน้ำมูกไหล เสี่ยงติดเชื้อ เนื่องจากน้ำมูกเป็นสารคัดหลั่งที่มีเชื้อโรค - อาหารหมักดอง
จะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ส้มตำปลาร้า กุ้งแช่น้ำปลา หน่อไม้ดอง เป็นต้น - อาหารทะเล หรืออาหารที่มีรสเค็ม
เนื่องจากมีโซเดียมสูง จะทำให้ร่างกายบวมน้ำ แผลหายช้า และอาจติดเชื้อได้