Radiesse Program แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยแห่งวัย ผิวหน้าไม่เฟิร์มกระชับ
Radiesse Program เป็นสารเติมเต็มใบหน้า หรือสามารถฉีดบริเวณอื่นได้ เพิ่มความเต่งตึง เฟิร์มกระชับผิวแน่น ปลอดภัยต่อร่างกาย เมื่อฉีดเข้าไปในผิวหนังจะช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือรอยย่น เช่น ร่องแก้ม หรือเส้นริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงมากขึ้น
โปรแกรม Radiesse คืออะไร?
โปรแกรม Radiesse นวัตกรรมสารเติมเต็มที่มีแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ หรือ ‘คาห้า’ (CaHA: Calcium Hydroxylapatite) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ใบหน้ายกกระชับ ด้วยคุณสมบัติเด่น 3 ประการ
คุณสมบัติเด่น
Strong Structural Skin: เสริมความแข็งแรงถึงชุดโครงสร้างรอบเซลล์ผิว พร้อมเติมเต็มให้ผิวอิ่มฟู เป็นธรรมชาติ
Profound Rejuvenation: ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในเนื้อเยื่อผิวหนังให้ยืดหยุ่น กระชับ ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยจากมลภาวะและความชรา
Cell Regenerative Stimulation: กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ใต้ผิวให้เต็มฟู กระจ่างใสและมีสุขภาพดี
โปรแกรม Radiesse X5 ประการ
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen type I สูงถึง 150%
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen type III สูงถึง 130% *คอลลาเจนที่พบมากในผิวเด็ก
- เพิ่ม Elastin สูงถึง 260% ทำให้ผิวยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
- Proteoglycan เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- Angiogenesis เพิ่มสารอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวให้ผิวเปล่งปลั่งอมชมพู
โปรแกรม Radiesse เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ มีริ้วรอยซึ่งเกิดขึ้นตามวัย
- ผู้ที่อยากได้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ และ อยู่นานถึง 2 ปี สะดวก ไม่ต้องฉีดบ่อย
ข้อดีของโปรแกรม Radiesse
- สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างอยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทั้ง EU,US และ THFDA และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ US-FDA สำหรับการใช้ฉีดที่มือด้วย
- ถูกใช้งานโดยแพทย์ทั่วโลกมาแล้วนานกว่า 20 ปี และมีผลงานวิจัยรองรับในตัวผลิตภัณฑ์ถึงมากกว่า 250 ฉบับ ทั้งยังได้รับความนิยมจากทั่วทั้งโลกการันตีจากยอดใช้ 15 ล้านไซริงจากการใช้งานทั่วทั้งโลก
- ฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้าส่วนกลาง( middle face )และใบหน้าส่วนล่าง (lower face) รวมทั้งส่วนอื่นๆ เช่น มือ หรือเนินอก
- มีด้วยกัน 2 รุ่น ใช้ควบคู่กันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้
รักษาบริเวณไหนได้บ้าง?
- แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณ ใบหน้า
- ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ
- การปรับรูปหน้าให้กระชับ
- ปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
- แก้ปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว
- แก้ปัญหาร่องแก้มลึก หรือลดร่องน้ำหมาก
แก้ปัญหาริ้วรอย ที่อยู่เหนือบริเวณเหนือริมฝีปากบน
การดูแลตัวเองก่อนทำ
- ควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ
- ควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือไม่
- ควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หลังจากทำก่อนทำ
การดูแลตัวเองหลังทำ
- ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือต้องออกแรงมากๆ
- ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหรือการโดนความร้อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
- หลังทำจะมีรอยแดงหรืออาการบวม ไม่ควรออกแรงหรือโดนความร้อนในบริเวณนั้นจนกว่ารอยแดงและอาการบวมดังกล่าวจะหายไป
คงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิวได้นานเท่าไหร่ ?
สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 1 ปี หรือนานกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และร่างกายของแต่ละบุคคล
เห็นผลลัพธ์หลังฉีดหรือไม่ ?
จะเห็นผลหลังฉีดเรื่องริ้วรอยทันทีหลังทำ เนื่องจากปริมาณ เนื้อของตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไป แต่ตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใต้ผิวในระยะยาว
ข้อควรระวังสำหรับการฉีด
- ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีโรคเลือดออกง่าย
- ไม่เหมาะกับบุคคลที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์
- ไม่เหมาะกับบุคคลที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด เป็นสิว หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด
- หากรฉีดบริเวณริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
- หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการ
- หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีด
- หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีด ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน
-
ผลข้างเคียงหลังทำ
- หลังทำการฉีด อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ชั่วคราวซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง
- อาจมีอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการคันดังกล่าวสามารถหายได้เอง
- อาจมีอาการปวดบริเวณรอยเข็ม ห้าไปจับ ไปถู หรือไปเกาเนื่องจากรูเข็มยังปิดไม่สนิทอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
- อาการดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นอาการคัน เจ็บ ปวด หรือรอยแดง สามารถหายได้เองใน 1-2 วันหากเป็นนานกว่านั้นควรปรึกษาคลินิกที่ให้การบริการ
- อาจมีการเปลี่ยนสีเช่นผิวซีดลงในบริเวณที่ทำการรักษาหากเกิดกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที