
Sculptra program ยกกระชับผิว ปรับผิวเรียบเนียน เพิ่มความหนาแน่นให้แก่ผิว
Sculptra มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มี สารตกค้าง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติมีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์กว่า 50 ฉบับ เรื่องผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 24 เดือน หรือ อยู่ได้นานถึง 2 ปี และความปลอดภัย คนไข้หลังทำไป 3 เดือน ได้มีงานวิจัย ระดับคอลลาเจนใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้นถึง 66.5%
โปรแกรม Sculptra คืออะไร
Sculptra เป็นสารสังเคราะห์ ที่เรียกว่า PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และสามารถย่อยสลายเองได้ ได้รับความนิยมมานาน ถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและได้รับการรับรองจาก อย. ไทย ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ผิวชั้นลึก เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างให้มีความแข็งแรง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่สำคัญในร่างกายและช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิวหนัง เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกายโดยมีมากถึง 90% เหมาะสำหรับคนที่ผิวไม่แข็งแรง บอบบาง ผิวหย่อนคล้อย มีปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องลึก ผิวไม่เรียบเนียน ไม่กระจ่างใส รูขุมขนกว้าง มีปัญหาหลุมสิว และผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง โดยสารนี้จะเข้าไปทำงานร่วมกับเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะคงปริมาตรได้ดีกว่า Hyaluronic Acid ทั่วไป สลายตัวช้ากว่าทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากกว่า
ข้อดี
- ฟื้นฟูโครงสร้างใต้ผิวชั้นลึก
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมความแข็งแรงให้ผิว : กระตุ้นคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% คอลลาเจน ที่เพิ่ม เป็น Collagen type 1 ซึ่งส่งผล ทำให้ผิวเนียนเรียน ดูอ่อนกว่าวัย
- ผิวดูกระจ่างใส อ่อนเยาว์ ดูเต่งตึง
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง แนะมีความหนาแน่ของชั้นผิว
- ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการฉีดสารเติมเต็ม Hyalyronic Acid
- สามารถย่อยสลายเองได้
การที่มีคอลลาเจนบนในหน้า ส่งผลทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ เต่งตึง ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย
ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ยกกระชับผิว
- ปรับผิวให้เรียบเนียน
- ฟื้นฟูผิวชั้นลึก
- เสริมผิวให้แข็งแรง
- คืนความอ่อนเยาว์
รีวิวผลลัพธ์หลังฉีด
- 2-3 สัปดาห์ เริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ตัวยาจะค่อยๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาใต้ชั้นผิว (จะไม่เห็นผลทันทีหลังฉีด)
- ควรฉีดประมาณ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
ทำบ่อยแค่ไหน ช่วงอายุเท่าไหร่ ควรฉีดกี่ขวด?
ก่อนอื่น แพทย์ทำการประเมิน ปัญหา และอายุ ก่อนเป็นอันดับแรก โดยปกติแล้ว 1 ขวดเทียบเท่ากันอายุ 10 ปี ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอายุ 30 ปี แนะนำให้ขวดฉีด 3 ขวด , ถ้าอายุ 50 ปี แนะนำให้ฉีด 5 ขวด
- ช่วงอายุ 30-40 ปี แนะนำให้ฉีด 3 ขวด (โดยฉีด 3 ครั้ง) แต่ละครั้งห่างกัน ครั้งละ 4 สัปดาห์
- ช่วงอายุ 40-50 ปี แนะนำให้ฉีด 4 ขวด (โดยฉีด 3 ครั้ง) แต่ละครั้งห่างกัน ครั้งละ 4 สัปดาห์ โดยสามารถฉีดเข้าร่างกายพร้อมกันได้ 2 ขวดต่อ 1 ครั้ง (เท่ากับว่า สามารถฉีดครั้งแรกพร้อมกัน ได้ทีเดียว 2 ขวด) ส่วนครั้งถัดไปก็ฉีดครั้งละ 1 ขวด
- ช่วงอายุ 50-60 ปี แนะนำให้ฉีด 5 ขวด (โดยฉีด 3 ครั้ง) โดยแต่ละครั้งห่างกัน ครั้งละ 4 สัปดาห์ โดยสามารถฉีดเข้าร่างกายพร้อมกันได้ 2 ขวดต่อ 1 ครั้ง (เท่ากับว่า สามารถฉีดครั้งแรกและครั้งที่สอง พร้อมกันทีเดียวครั้งละ 2 ขวด) ส่วนครั้งถัดไปก็ฉีดครั้งละ 1 ขวด
และเมื่อฉีดครบแล้ว ผลลัพธ์อยู่ได้นานสูงสุด 25 เดือน หรือเฉลี่ย 2 ปี
เหมาะกับใคร?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทุกคนสามารถฉีด Scuptra ได้ ทุกช่วงวัย เพียงแต่ว่า ถ้าอายุ 30 ขึ้นไปแล้ว คอลลาเจนในร่างกายของเราจะลดน้อยลง ถ้าแนะนำ เลย อายุสามสิบไปขึ้นไป จะเห็นผลลัพธ์และความแตกต่างได้ชัดเจนกว่า
- เหมาะกับคนที่ปัญหาผิวหลวม ผิวเหลว ขาดคอลลาเจน
- ผู้ที่มีปัญหา รูปหน้าไม่กระชับ และอยากที่จะเพิ่มคอลลาเจนให้กับชั้นผิว
- คนไข้ที่มีปัญหา ผิวไม่เรียบเนียน ดูไม่กระจ่างใส
ผลข้างเคียงหลังฉีดโปรแกรม สเก้าตร้า
- อาจพบอาการบวม แดง ช้ำและมีอาการปวดเล็กน้อย ในช่วง 1-2 วันแรก ซึ่งจะสามารถหายเองได้
- แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีด ทุกวันหลังฉีดประมาณ 3 วัน
Sculptra ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
ส่วนในการฉีด Sculptra แพทย์จะเริ่มจากประเมินสภาพผิวก่อนเพื่อเตรียมการรักษาที่เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคน จากนั้นจะแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 45 นาทีเพื่อบรรเทาอาการเจ็บเพราะในระหว่างทำอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย จากนั้นแพทย์จะเตรียมตัวยา เพื่อฉีดลงผิวหนังและนวดให้ตัวยากระจายตัว เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนแล้ว
หลังทำโปรแกรม Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน ?
สามารถอยู่ได้นาน 24 เดือน หรือ 2 ปี ซึ่งนานกว่าการฉีดสารเติมเต็ม Hyalyronic Acid ที่อยู่ได้ประมาณ 1 ปี เนื่องจากตำแหน่งการวางตัวยา สามารถวางในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
*ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการดูแลตัวเองหลังฉีด
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์หรือมีแผลเป็นนูน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบ