ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ คืออะไร? ครบทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอย ร่องลึก และผิวที่เคยเต่งตึงกลับค่อย ๆ สูญเสียความยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา ทำให้หลายคนมองหาวิธีดูแลผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมและเห็นผลชัดเจนคือการฉีด “ ฟิลเลอร์ ” ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันทีหลังทำ และสามารถสลายได้ตามธรรมชาติ จึงกลายเป็นเทรนด์ความงามที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ฟิลเลอร์คืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง ปลอดภัยไหม มียี่ห้อใดที่น่าเชื่อถือ และควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ พร้อมเลือกการรักษาที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด

ฟิลเลอร์ คืออะไร?

ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิด หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติในร่างกาย ทำหน้าที่เสมือนการทดแทนองค์ประกอบหลักของโครงสร้างผิว อย่างคอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่มักลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น

ผิวหนังของมนุษย์ประกอบด้วยเส้นใยคอลลาเจนที่ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรง ยืดหยุ่น และความเต่งตึงให้กับผิว แต่เมื่อเส้นใยเหล่านี้ค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ผิวย่อมบางลงและเกิดริ้วรอยได้โดยง่าย การฉีด HA เข้าไปยังจุดที่มีรอยลึกชัดเจน อย่างบริเวณใต้ตาหรือร่องแก้ม จะช่วยยกโครงสร้างผิวให้ดูกระชับ เติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น และคืนความเรียบเนียนให้ผิวพรรณ ดูอ่อนวัยกว่าวัย ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาผิวหนังที่ได้ผลชัดเจน และยังเป็นที่นิยมแพร่หลายในแวดวงความงามอีกด้วย

ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์คืออะไร

ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?

หลายคนกังวลว่าการฉีดฟิลเลอร์จะอันตรายหรือไม่ ความจริงแล้วฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยที่สุดและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) คือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง นิยมใช้ทั้งในทางการแพทย์และด้านความงาม อีกทั้งยังสามารถสลายฟิลเลอร์ได้หมด 100% โดยไม่ตกค้างในร่างกาย หากต้องการเติมใหม่ก็สามารถทำได้โดยไม่เป็นอันตราย

ฟิลเลอร์อันตรายไหม
ฟิลเลอร์อันตรายไหม

ในทางการแพทย์ ฟิลเลอร์แบ่งออกได้ 4 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. Hyaluronic Acid (HA) ปลอดภัย สลายหมดตามธรรมชาติ ได้รับความนิยมสูงที่สุด
  2. Collagen จากสัตว์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้ เพราะเสี่ยงต่อการแพ้และเกิดอาการบวมแดง
  3. ไขมัน (Fat Transfer) เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมครั้งละปริมาณมาก เช่น 10–20 CC
  4. Biosynthetic polymers เช่น ซิลิโคนเหลว ไม่สามารถสลายได้ ไม่ปลอดภัย และไม่ได้รับการรับรองจากอย.

สำหรับประเทศไทย ฟิลเลอร์ที่ได้รับอนุญาตและผ่านอย. คือ HA แท้ เท่านั้น ซึ่งมีหลายยี่ห้อ แพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติ

ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่หัตถการที่อันตราย หากเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความเสี่ยงจะต่ำและผลลัพธ์ปลอดภัย

อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม

สิ่งที่ต้องระวังคือการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอันตราย หลังฉีดไปแล้วอาจจับตัวเป็นก้อนแข็ง ไหลย้อย ทำให้ผิวขรุขระ เกิดการอักเสบติดเชื้อ บวมแดง หรือแพ้อย่างรุนแรง ในบางกรณีอาจร้ายแรงถึงขั้นเนื้อตายหรือตาบอด

ฟิลเลอร์ปลอม กับ ฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์ปลอม กับ ฟิลเลอร์แท้

ฟิลเลอร์ปลอมมักเป็นผลิตภัณฑ์ราคาถูก ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านอย. และไม่สามารถสลายได้เอง หากฉีดแล้วเกิดปัญหา แก้ไขได้เพียงการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงและยุ่งยากกว่ามาก

✅ สรุปคือ ฟิลเลอร์ ไม่อันตราย หากเลือกใช้ HA แท้ ที่ผ่านอย. และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่จะอันตรายมากหากเลือกฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดกับผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์

ฟิลเลอร์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือความต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน โดยจุดที่นิยมฉีดและเห็นผลชัดเจนมี 9 จุดด้วยกัน

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาร่องใต้ตาลึก ความหมองคล้ำ ทำให้ใต้ตาดูเต่งตึง สดใส และอ่อนวัยขึ้น

รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิว ฟิลเลอร์ lorient 3

👉 อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ฉีดแล้วปัง อัปเดต 2025

2. ฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับคนที่คางสั้นหรือคางห้อย ช่วยยืดหน้าดูเรียวยาว ปรับรูปหน้าให้ได้รูปวีมากขึ้น

รีวิว ฟิลเลอร์คาง
รีวิว ฟิลเลอร์คาง

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เติมเต็มร่องแก้มลึกที่ทำให้ใบหน้าดูแก่หรือเหนื่อยง่าย ช่วยให้ใบหน้าดูเต็มขึ้นและอ่อนเยาว์

รีวิวฟิลเลอร์ร่องแก้ม 10
รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ ร่องแก้ม 4

4. ฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก บำรุงความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยรอบปาก

รีวิวฟิลเลอร์ปาก

👉 อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม ควรเลือกทรงไหนดี อัปเดต 2025

5. ฟิลเลอร์ขมับ

ฟิลเลอร์ขมับ แก้ไขขมับยุบหรือแบน ทำให้ใบหน้าดูเต็มและละมุนขึ้น

รีวิว ฟิลเลอร์ขมับตอบ

6. ฟิลเลอร์หน้าผาก

ฟิลเลอร์หน้าผาก เติมหน้าผากที่แบนหรือเป็นร่องให้ดูโด่งสมส่วน ได้มิติมากขึ้น

รีวิวฟิลเลอร์หน้าผาก 6
รีวิวฟิลเลอร์หน้าผาก 5

7. ฟิลเลอร์จมูก

ปรับสันจมูกหรือปลายจมูกให้ได้รูปโดยไม่ต้องผ่าตัด

👉 อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์จมูก VS เสริมจมูก แบบไหนดีกว่ากัน?

8. ฟิลเลอร์หน้าแก้ม

เพิ่มความเต่งตึงให้บริเวณหน้าแก้ม เหมาะกับผู้ที่แก้มยุบ

9. ฟิลเลอร์โหนกแก้ม

ฟิลเลอร์โหนกแก้ม เสริมสร้างมุมกระดูกโหนกแก้มให้ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น

📍 นอกจากนี้ ยังสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้อีก เช่น

  • ฟิลเลอร์มือ เพื่อลดลักษณะเส้นเลือดและเอ็นเด่นชัด
  • ฟิลเลอร์น้องสาว เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มและความมั่นใจ

ข้อแนะนำ: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าและความต้องการของเราโดยเฉพาะ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุดค่ะ

ในการฉีดแต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัญหาโครงสร้างผิวและความต้องการของคนไข้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินเพื่อแนะนำปริมาณที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้กี่ CC
  • หน้าผาก : 2–4 CC
  • ขมับ : 1–2 CC
  • แก้มตอบ : 1–2 C
  • จมูก : 1 CC
  • ริมฝีปาก : 1–2 CC
  • ใต้ตา : 1–2 CC
  • โหนกแก้ม : 1–2 CC
  • ร่องแก้ม : 1–2 CC
  • คาง : 2–4 CC

หากเป็นบริเวณที่มีร่องลึกหรือยุบตัวมาก เช่น ขมับหรือหน้าผาก มักต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากกว่าจุดเล็ก ๆ อย่างใต้ตาหรือร่องแก้ม แต่ละเคสไม่จำเป็นต้องเติมในครั้งเดียวปริมาณมาก ๆ สามารถทยอยเติมทีละน้อย แล้วปรับจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สวยและพอดีกับใบหน้า

ฉีดฟิลเลอร์ หมอโทนี่

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ทันที
  • เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  • ใช้สาร Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจากอย. ปลอดภัย สลายหมด ไม่ตกค้าง
  • หากไม่พอใจสามารถฉีดสลายออกได้ หรือเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ปรับได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
  • ใช้แก้ปัญหาจุดที่ละเอียดอ่อน เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ได้อย่างแม่นยำ
ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี และอยู่ได้นานแค่ไหน?

การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและลักษณะปัญหาของแต่ละคน บางยี่ห้อมีความนุ่ม เหมาะกับจุดที่ผิวบางอย่างใต้ตา ในขณะที่บางรุ่นมีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้าง เช่น คางหรือกรอบหน้า

ฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายแบรนด์จากต่างประเทศ โดยนิยมมากที่สุดมาจาก 5 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน อเมริกา เกาหลี สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี แต่ละยี่ห้อมีรุ่นย่อยที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ความคงตัวและระยะเวลาการสลายตัว ตั้งแต่ประมาณ 6 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและตำแหน่งที่ฉีด

แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด

❖ Juvederm (อเมริกา)

  •  Ultra Plus 12 เดือน
  •  Voluma 18 เดือน
  •  Volbella 12 เดือน
  •  Volift 12 เดือน
  •  Volite 8–12 เดือน
  •  Volux 18–24 เดือน

❖ Restylane (สวีเดน)

  • Perlane Lyft 12 เดือน
  • Vital Light 6–12 เดือน
  • Vital 12 เดือน
  • Volyme 18 เดือน
  • Defyne 18 เดือน
  • Refyne 12 เดือน
  • Classic 12 เดือน
  • Kysse 12 เดือน

❖ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)

  • Intense 18 เดือน
  • Volume 18 เดือน
  • Revive 6–9 เดือน

❖ Teoxane (สวิตเซอร์แลนด์)

  • Ultra Deep 18 เดือน
  • RHA 2 18 เดือน
  • RHA 3 12–18 เดือน

❖ Lorient (เกาหลี)

  • Lorient No.2 (เนื้ออ่อน) 6–9 เดือน
  • Lorient No.4 (เนื้อปานกลาง) 9–12 เดือน
  • Lorient No.6 (เนื้อแข็ง)  12–16 เดือน

❖ Definisse (อิตาลี)

  • Restore 12 เดือน
  • Core 18 เดือน
  • Touch 8–12 เดือน

วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้

การฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย ควรเริ่มจากการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็น ฟิลเลอร์แท้ ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งผู้รับบริการสามารถสังเกตได้จากหลักฐานสำคัญเหล่านี้

  1. บนกล่องผลิตภัณฑ์ต้องมี “เลขทะเบียน อย.” แสดงไว้อย่างชัดเจน
  2. มีเอกสารกำกับบรรจุภัณฑ์เป็นภาษาไทย ที่ระบุรายละเอียดครบถ้วน
  3. หมายเลข Lot Number บนกล่อง ซอง ใบรับรอง และหลอดฟิลเลอร์ต้องตรงกัน ไม่มีการเบี่ยงเบน
  4. สามารถนำหมายเลข Lot ไปตรวจสอบย้อนกลับ กับบริษัทผู้นำเข้าได้โดยตรง

การตรวจสอบด้วยวิธีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย. และไม่ใช่ฟิลเลอร์ปลอมที่อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงและอันตรายในภายหลัง

ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังการฉีดโปรแกรม ฟิลเลอร์

การเตรียมตัว ก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ มีข้อแนะนำดังนี้

การเตรียมตัวล่วงหน้า

  1. เลือกรักษาในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง
  2. งดรับประทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี สมุนไพรโสม กระเทียม และแปะก๊วย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  3. งดใช้ยาทาผลัดเซลล์ผิว และหลีกเลี่ยงการโกนขนในบริเวณที่จะรับการรักษา
  4. ควรเว้นระยะห่างจากการทำเลเซอร์และการนวดบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 3 วัน
  5. แจ้งประวัติการเจ็บป่วยและยาที่ใช้อยู่ทั้งหมดแก่แพทย์ก่อนทำการรักษา
  6. สามารถขอรับยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการรักษา

ขั้นตอนการรักษา

  1. รับการปรึกษาจากแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  2. ทำความสะอาดผิวหน้าในบริเวณที่จะรักษาอย่างละเอียด
  3. ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ร่วมกับแพทย์ก่อนใช้งาน
  4. รับการประคบเย็นเพื่อลดอาการไม่สบายระหว่างการรักษา
  5. รับคำแนะนำการดูแลตนเองหลังการรักษาจากแพทย์

อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการรักษา

อาจพบรอยแดงหรือรอยเข็มบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ จางหายไปภายใน 2-3 วัน ส่วนอาการบวมจะค่อยๆ ลดลงและฟิลเลอร์จะเข้าที่สมบูรณ์ภายใน 1-2 สัปดาห์

ข้อแนะนำหลังการรักษา

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ได้รับการฉีด
  2. กลับไปพบแพทย์หากมีอาการบวมมากหรือผิดปกติหลัง 3 วัน
  3. รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
  4. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  5. งดการทำเลเซอร์ที่มีผลต่อผิวชั้นลึกเป็นเวลา 1 เดือน
  6. ระมัดระวังการขยับใบหน้าในช่วง 3 วันแรกหลังรักษา
  7. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
  8. งดสูบบุหรี่เพื่อผลลัพธ์ที่คงทนนาน

สรุป การปฏิบัติตามข้อแนะนำก่อนและหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด จะช่วยส่งเสริมผลลัพธ์ทางความงามและความปลอดภัยในการใช้ฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรม ฟิลเลอร์

❖ ฟิลเลอร์สลายแล้วจะทำให้หน้าแก่กว่าเดิมไหม?

ไม่เลยครับ ตรงกันข้ามฟิลเลอร์ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว หลังจากฟิลเลอร์สลายแล้ว ผิวยังคงอยู่ในสภาพที่ดีกว่าก่อนฉีด

❖ ไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายได้ไหม?

หากใช้ฟิลเลอร์แท้ HA สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอมไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase; Hyalase) ทำให้ผิวกลับสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

❖ ฟิลเลอร์ปลอมสลายได้เองไหม?

ฟิลเลอร์ปลอมเช่นซิลิโคนเหลวไม่สามารถสลายได้ มักจับตัวเป็นก้อนแข็ง แก้ไขได้เพียงการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น

❖ ฉีดแล้วบวมกี่วัน? กี่วันถึงเห็นผลชัด?

หลังฉีดจะเห็นผลทันที ส่วนบวมช้ำจะหายใน 7-14 วัน หลังจาก 2 สัปดาห์ฟิลเลอร์จะเข้าที่และเห็นผลชัดเจนที่สุด

❖ ฟิลเลอร์สลายแล้วเปลี่ยนยี่ห้อได้ไหม?

เปลี่ยนยี่ห้อได้ตามต้องการ ขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีดและคำแนะนำของแพทย์

❖ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?

เลือกคลินิกได้มาตรฐาน ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีแพทย์เชี่ยวชาญ รีวิวดี และมีการติดตามผลหลังการรักษา

❖ ต้องรอฟิลเลอร์เก่าสลายหมดก่อนไหมถึงฉีดใหม่ได้?

ไม่จำเป็นต้องรอให้ฟิลเลอร์เก่าสลายหมดก่อน สามารถเติมฟิลเลอร์เพิ่มได้ตามความเหมาะสม

หมายเหตุ: ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไปจนดูล้นหรือไม่เป็นธรรมชาติ อาจทำให้ฟิลเลอร์ดูเป็นก้อน เป็นลำได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งจะช่วย สลายฟิลเลอร์ ส่วนเกินออกไป ทำให้ผิวหนังกลับสู่สภาพเดิมได้ภายในเวลาไม่นาน

❖ ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่? ทำไมแต่ละจุดไม่เท่ากัน?

ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ และเทคนิคการฉีด

ราคาทีมแพทย์

  • ใต้ตา  11,990 บาท
  • คาง 11,990  บาท
  • ร่องแก้ม 11,990 บาท
  • ปาก 11,990 บาท
  • ขมับ 11,990 บาท
  • หน้าผาก 11,990 บาท
  • จมูก เริ่มต้น 19,990 บาท (โดยคุณหมอโทนี่)

บทสรุป

ฟิลเลอร์ (HA) เป็นหัตถการที่เห็นผลไว ปลอดภัยเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์แท้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยแก้ริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก และปรับสัดส่วนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความคงตัวของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ตำแหน่ง และการดูแลตัวเอง ทั้งก่อน–หลังทำ การตรวจสอบเลข อย./Lot และให้แพทย์แกะกล่องต่อหน้าคือหัวใจของความปลอดภัย

การเลือกยี่ห้อ–รุ่นที่เหมาะสม ควรพิจารณาตามปัญหาและโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน จุดที่ผิวบางต้องใช้เนื้อนิ่ม จุดที่ต้องการโครงสร้างต้องใช้เนื้อแน่น ปริมาณ CC สามารถค่อย ๆ เติมเพื่อจูนความพอดีได้ ไม่จำเป็นต้องทำครั้งเดียวมาก ๆ และหากไม่พอใจยังสามารถสลายได้ด้วย Hyaluronidase

ทำตามข้อแนะนำการเตรียมตัวและการดูแลหลังฉีดอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดโอกาสบวมช้ำ ยืดอายุผลลัพธ์ และคงความสวยได้ยาวนานที่สุด หากยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มตรงไหน ให้เริ่มจากการ “ปรึกษา–ประเมิน–วางแผน” ร่วมกับแพทย์ เพื่อได้แผนการฉีดที่ปลอดภัย เหมาะกับใบหน้าคุณจริง ๆ และได้ผลลัพธ์ที่มั่นใจได้ที่สุดครับ