ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์เริ่มได้รับความนิยมเป็นวงกว้างในแวดวงความงาม เพราะฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ใต้ตา คาง ร่องแก้ม ปาก หรือแม้แต่จมูก สาเหตุที่การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมก็เนื่องจากฉีดแล้วเห็นผลจริง และดูเป็นธรรมชาติ หลายคนเกิดความสงสัยว่าการ ฉีดฟิลเลอร์จมูก กับการเสริมจมูกแบบไหนดีกว่ากัน วันนี้มีคำตอบ
ไขข้อข้องใจ ฉีดฟิลเลอร์จมูก VS เสริมจมูก แบบไหนดีกว่ากัน
ก่อนอื่นเราต้องไปทำความเข้าใจกันทีละแบบก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูก และการเสริมจมูกมันคืออะไร
1. การฉีดฟิลเลอร์จมูก
เป็นการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดศัลยกรรม แต่เป็นการฉีดสารไฮยาลูโรนิก แอซิด ซึ่งมีลักษณะเป็นเนื้อเจลเข้าไปยังสันจมูกเพื่อให้มีความโด่งและคมชัดขึ้น วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่พอมีสันจมูกหรือปลายจมูกอยู่บ้าง แต่จะไม่เหมาะเลยกับคนที่มีจมูกแบนมาก ๆ การฉีดฟิลเลอร์จมูกจะทำให้จมูกคงรูปได้ดี แต่สันจะไม่คมชัดเท่าการเสริมจมูก และจะใช้ฟิลเลอร์ไม่เกิน 1 CC ถ้าใช้มากกว่านี้เมื่อเวลาผ่านไปสัก 1-2 เดือนจมูกจะบานออก ทำให้เสียรูปจมูกได้ ดังนั้น จึงต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์สูงในการฉีดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย จมูกได้รูปทรงที่เหมาะสมและสวยงาม ไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ เนื่องจากบริเวณสันจมูกนั้นมีเส้นเลือดอยู่มาก หากฉีดพลาดอาจทำให้เส้นเลือดอุดตัน เสี่ยงเกิดอาการตาบอดได้
ข้อดีของการ ฉีดฟิลเลอร์จมูก
- ทำให้สันจมูกโด่งชัดขึ้น ปลายจมูกพุ่งเป็นทรงหยดน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ
- ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
- เห็นผลได้จริงหลังฉีด
- ถ้าฉีดแล้วไม่พอใจ สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ออก หรือสามารถฉีดเสริมเพิ่มเติมได้
ข้อควรระวังของการ ฉีดฟิลเลอร์จมูก
มีข้อจำกัดในการฉีด การฉีดฟิลเลอร์จมูกเป็นการปรับแต่งและแก้ไขทรงจมูกให้ดีขึ้น จึงไม่เหมาะกับคนที่จมูกแบนมาก ๆ หรือคนที่คิดจะผ่าตัดเสริมจมูก เพราะอาจเกิดปัญหาเรื่องการยึดเกาะของแท่งซิลิโคนได้
ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ไม่ได้อยู่ได้ถาวร ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และการดูแลรักษา
ต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญ และฟิลเลอร์ของแท้ที่มีคุณภาพเพื่อความปลอดภัย
2. การเสริมจมูก
เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมโดยการใช้ซิลิโคน กระดูกอ่อน และเนื้อเยื่อของตัวเอง เช่น ไขมัน กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกซี่โครง ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการแพ้น้อย แต่จะนิยมใช้ซิลิโคนมากกว่า เพราะสามารถทำรูปร่างตามที่ต้องการได้มากกว่า ซิลิโคนที่นำมาใช้นั้นจะใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น จึงรับรองได้ว่ามีความปลอดภัย มีอายุการใช้งานนาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ เหมาะกับลักษณะจมูกทุกรูปแบบ
ข้อดีของการเสริมจมูก
- ได้รูปทรงจมูกตรงตามที่ต้องการ
- สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
- คงอยู่ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่
- ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของการเสริมจมูก
- ไม่เหมาะกับคนทุกวัย เริ่มผ่าตัดเสริมจมูกได้ตั้งแต่อายุ 18-20 ปีขึ้นไป และคนที่โรคประจำตัวจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
- อาจทำให้เกิดซิลิโคนทะลุ หรือจมูกเบี้ยวได้เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ
- อาจมีอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัด และแก้ไขได้ยากหากเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาด
มีราคาสูง
การเปลี่ยนรูปทรงจมูกใหม่ แบบไหนดีกว่ากันต้องดูว่ารูปทรงจมูกของเราเป็นแบบไหน หากต้องการเปลี่ยนรูปทรงจมูกใหม่ เช่น อยากให้จมูกแบนกลายเป็นจมูกโด่ง หรือต้องการเปลี่ยนรูปทรงไปเลยก็ควรเลือกใช้วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกมากกว่า เพราะการผ่าตัดแพทย์สามารถผ่าเปิดให้เห็นโครงสร้างทั้งหมดของจมูก แล้วตกแต่งแก้ไขให้ได้รูปทรงใหม่ได้ตามต้องการ แต่ถ้าใครที่พอจะมีโครงสร้างของจมูกที่ดีอยู่แล้ว แต่อยากปรับแต่งเพื่อเสริมโหงวเฮ้งเหรือเพื่อให้ได้รูปร่างรูปทรงที่ดีขึ้น ก็ควรเลือกใช้การฉีดฟิลเลอร์จมูก เช่น การเสริมปลายจมูกให้เป็นรูปหยดน้ำที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ ดังนั้น แบบไหนดีกว่าขึ้นอยู่กับรูปร่างจมูก และความต้องการเสริมจมูกของเรานั่นเอง
การฉีดฟิลเลอร์จมูกและการเสริมจมูกเป็นวิธีการที่ช่วยปรับเปลี่ยนจมูกของเราให้ได้รูปทรงที่สวยงามตามต้องการ แต่ละวิธีจะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เราควรดูความต้องการของเราเป็นหลักว่าต้องการจมูกแบบไหน จากนั้นให้ดูรูปร่างพื้นฐานของจมูกของเราประกอบไปด้วย วิธีการที่ดีที่สุด คือ การปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ เพราะนอกจากจะได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ยังมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย