ในปัจจุบันคนนิยมฉีดโบท็อกซ์มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อาการ ดื้อโบท็อกซ์ จึงพบเจอได้บ่อยมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ทำให้ส่งผลต่อความกังวลใจของคนที่จะเลือกใช้วิธีนี้ในการเสริมความมั่นใจ เพราะเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในระยะหลังเริ่มไม่เห็นผล ทำให้หลายคนรู้สึกว่าเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และมีกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ วันนี้เราจะมาหาคำตอบเรื่องนี้กัน
อาการดื้อโบท็อกซ์มีอาการเป็นอย่างไร ?
ลักษณะอาการมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์มาเป็นระยะเวลานาน เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกกระตุ้นโดยส่วนประกอบหนึ่งของโบท็อกซ์ให้ต่อต้าน หรือใช้โบท็อกซ์ที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ทำให้เกิดอาการเช่น
- ฉีดกรามแต่กรามไม่ลด แม้จะเพิ่มปริมาณก็ยังไม่เห็นผล
- ฉีดริ้วรอย แต่ริ้วรอยไม่จางหายไป หรือจางหายไปน้อยกว่าที่เคยฉีด
- เมื่อฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว ระยะเวลาในการสลายเร็วขึ้นกว่าเดิม
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ดื้อโบท็อกซ์
การ ดื้อโบท็อกซ์ นั้นมีหลายสาเหตุ ดังนี้
- ใช้โบท็อกซ์ที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีการรับรองมาตรฐานจาก อย. ซึ่งมักจะพบได้ตามหมอกระเป๋าที่มีการรับหิ้วมาจากต่างประเทศ ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายส่งผลให้เกิดมีประสิทธิภาพที่ไม่ดีพอ ยาสลายตัวไว ทำให้ไม่เห็นผลเมื่อฉีดเข้าไป นอกจากนี้ในบางรายอาจจะเกิดผลข้างเคียง มีอาการแพ้ตัวยาได้ หรืออาจจะเกิดอันตรายทำให้ปากเบี้ยว หนังตาตก จากการที่ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ได้
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินไป หลายคนคิดว่าการฉีดโบท็อกซ์ในจำนวนยูนิตที่เยอะ จะช่วยให้ส่งผลดีมากยิ่งขึ้น แต่การฉีดในปริมาณที่มากเกินจำเป็นจะส่งผลให้เกิดการดื้อยาได้เร็วขึ้นเช่นกัน ซึ่งทางการแพทย์แนะนำว่า การฉีดโบท็อกซ์ไม่เกิน 300 ยูนิตต่อ 1 ครั้ง จะเป็นปริมาณที่เหมาะสม และช่วยลดการดื้อยาได้
- ภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้านยา เพราะร่างกายของเราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเองได้ ดังนั้นเมื่อได้รับการฉีดโบท็อกซ์มาเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านโบท็อกซ์ ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปจึงไม่เห็นผลอย่างที่ควร
- ฉีดโบท็อกซ์ถี่จนเกินไป โดยปกติแล้วเราควรจะฉีดโบท็อกซ์ห่างจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3-4 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะห่างที่ตัวยาอยู่ในช่วงที่สลายตัวใกล้หมดแล้ว แต่หากฉีดในระยะห่างที่ถี่กว่านั้น ก็จะสงผลให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้ง่ายมากขึ้น
ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันการดื้อโบท็อกซ์
เมื่อเรารู้สาเหตุที่จะทำให้การฉีดโบท็อกซ์มีประสิทธิภาพลดลงแล้ว เราจึงควรรู้ถึงวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันเอาไว้ เพื่อให้เราสามารถสวยด้วยโบท็อกซ์ได้อย่างยาวนานมากขึ้น
- เลือกสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ การเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่จะฉีดโบท็อกซ์ให้ย่อมมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า โบท็อกซ์นั้นมีคุณภาพได้มาตรฐาน ในราคาที่สมเหตุสมผล ปลอดภัยกว่าการไปหาหมอกระเป๋าที่จะฉีดให้เราในราคาถูกแต่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพหลังใช้ได้
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่เหมาะสม ทางที่ดีควรให้คุณหมอประเมินปริมาณยูนิตที่เหมาะสมในการฉีดแต่ละครั้ง เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลดีในระยะยาว
- ฉีดโบท็อกซ์ในระยะเวลาที่เหมาะสม ควรฉีดโบท็อกซ์ในระยะห่างที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีระยะเวลาความถี่ที่แตกต่างกัน เช่น โบท็อกซ์ลดกราม จะสามารถอยู่ได้ 5-6 เดือน ส่วนโบท็อกซ์ลดริ้วรอยนั้นจะอยู่ได้ 3-4 เดือน เป็นต้น ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ถึงระยะเวลาในการฉีดโบท็อกซ์ครั้งต่อไป
หากอยากสวยด้วยโบท็อกซ์ไปนาน ๆ ควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันการดื้อโบท็อกซ์ เพราะนอกจากจะเสียเงินและเวลาแล้ว ยังทำให้เสียความมั่นใจในการฉีดโบท็อกซ์อีกด้วย ที่สำคัญการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามที่แพทย์สั่ง จะช่วยให้การเสริมความงามมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าพอใจได้ ถึงแม้การดื้อโบท็อกซ์จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยตรง แต่ก็ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะหากใช้โบท็อกซ์ไม่ได้ผล อาจจะต้องไปทดลองใช้หัตถการอื่นแทน ซึ่งผลลัพธ์และราคาก็จะแตกต่างกันไป หวังว่าใครที่ชอบฉีดโบท็อกซ์จะได้ข้อมูลดี ๆ ในการดูแลความของตัวเองต่อไป