หลายคนมีปัญหาเรื่องหลุมสิวแต่ไม่รู้ว่า หลุมสิวเกิดจากอะไร ? เพราะเมื่อเป็นสิวก็ดูแลอย่างดีแต่ทำไมถึงยังมีหลุมสิวได้ นั่นเป็นเพราะว่าหลุมสิวไม่ได้เกิดจาการบีบสิวเพียงอย่างเดียวแต่ปัจจัยอื่น ๆ ก็ทำให้เกิดหลุมสิวได้เช่นเดียวกัน ทำให้หลายคนเป็นรู้สึกเป็นกังวล ไม่กล้าโชว์หน้าสด แต่งหน้ายากและทำให้ขาดความมั่นใจ วันนี้จึงจะพาดูกันว่าหลุมสิวเกิดจากอะไร มีกี่แบบ และสามารถรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
หลุมสิวเกิดจากอะไร ?
หลุมสิวเกิดขึ้นจากการเป็นสิวและรักษาไม่ถูกวิธีจนทำให้สิวเกิดการอักเสบ และเมื่อสิวอักเสบผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเกิดการอักเสบด้วย หรือในบางรายที่มีการบีบสิว กดสิว หรือแกะสิวจนทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงจนทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวหนังที่บริเวณนั้นไม่สมบูรณ์ การสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อไม่เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมผิวหนังทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวเกิดเป็นหลุมสิวหรือรอยแผลเป็นหลังจากที่สิวยุบหรือสิวหาย ทำให้ผิวมีลักษณะขรุขระไม่เรียบเนียน มีรอยบุ๋มลงไป มีลักษณะเป็นหลุม ขนาดและความลึกของหลุมสิวขึ้นอยู่กับการอักเสบของผิวหนัง โดยปกติแล้วร่างกายสามารถซ่อมแซมผิวหนังและรอยแผลจากการเป็นสิวได้ใน 7 – 10 วัน แต่หากผิวหนังบริเวณนั้นถูกรบกวนหรือทำให้บาดเจ็บก็จะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวหนังไม่สมบูรณ์และทิ้งรอยหลุมสิวเอาไว้ในที่สุดนั่นเอง
หลุมสิวมีกี่แบบ สิวแบบไหนที่ทำให้เกิดหลุมสิว?
ประเภทของหลุมสิว โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ หลุมสิว Ice Pick Scars เป็นหลุมสิวที่ขึ้นชื่อว่ารักษายากที่สุดเพราะ มีความลึกถึงหนังกำพร้าหรือเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนัง มีรอยแผลลึกประมาณ 0.1 – 2 มิลลิเมตร ลักษณะหลุมสิวจะมีก้นหลุมที่คล้ายกรวย ปากหลุมแคบและขอบไม่เรียบเนียน เป็นหลุมสิวที่มักพบบริเวณแก้ม, หลุมสิว Boxcar Scar เป็นหลุมสิวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 3 – 4 มิลลิเมตร ปากหลุมและก้นหลุมมีขนาดที่เท่ากัน และสุดท้ายคือหลุมสิวแบบ Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กว้างประมาณ 4 – 5 มิลลิเมตร หลุมมีความลึกลงชั้นใต้ผิวหนัง โดยสิวที่ทำให้เกิดหลุมสิวได้มากที่สุดคือ สิวหัวช้างและสิวอักเสบ
หลุมสิวเกิดจากอะไร รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?
- รับประทานยา เมื่อทราบแล้วว่าหลุมสิวเกิดจากอะไร ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาหลุมสิว ส่วนมากแพทย์แล้วจะรักษาด้วยการทานยา วิตามิน B5 หรือ Zinc เพื่อช่วยลดการอักเสบ ช่วยเพิ่มการสลายไขมันส่วนเกินจากต่อมไขมันผิวหนังเพื่อช่วยลดการเกิดสิวและช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน หรืออื่น ๆ แต่การรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาที่ค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ และยาบางชนิดยังทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ต่อร่างกายได้
- รักษาหลุมสิวด้วยโปรแกรม Profhilo เป็นการฉีดสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้มข้นสูงเข้าไปเพื่อไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ช่วยปรับโครงสร้างผิว ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยให้ผิวกระชับเรียบเนียน หลุมสิวดูตื้นขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอย นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิวได้ดี ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ต้องนอนพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- การทำเลเซอร์ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยสร้างคอลลาเจนและช่วยซ่อมแซมผิวหนังบริเวณสึกหรอ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
- การกรอผิว ใช้เกล็ดอัญมณีกรอผิวในบริเวณที่เป็นหลุมสิวเพื่อให้ดูตื้นขึ้นและทำให้รอยสิวให้ดูจางลง เป็นวิธีที่ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
- การเซาะพังผืด คือการใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทำให้พังผืดใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวขาดและทำให้เซลล์ผิวซ่อมแซมผิวหนังได้ใหม่ แต่เป็นวิธีที่ค่อนข้างอันตรายเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
รีวิวโปรแกรม Profhilo
ได้ทราบกันไปแล้วว่าหลุมสิวเกิดจากอะไรและมีวิธีรักษาอย่างไร หากใครที่มีปัญหาหลุมสิวก็ไม่ควรปล่อยไว้เพราะสามารถรักษาได้ แต่ควรเลือกวิธีการรักษาที่ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ได้ดี ผลข้างเคียงน้อย และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะหากผิวหนังเกิดการติดเชื้อจะเป็นอันตรายและทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้