ฉีด Filler ใต้ตาใช้กี่ CC ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

ฉีด Filler ใต้ตาใช้กี่ CC

ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความนิยมในการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากันมากขึ้น ทำให้มีคลินิกที่ให้บริการด้านการฉีด ฟิลเลอร์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีทั้งคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์ของแท้และของเทียมผสมปนเปกันไป เราจึงต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ ทั้งนี้ การเลือกใช้ฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องใช้ของจริงที่มีคุณภาพเท่านั้น ซึ่งของจริงที่มีคุณภาพราคาก็จะสูงตามไปด้วย และการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็มีปริมาณการใช้แต่ละกรณีแตกต่างกันออกไป เรามาดูกันสิว่า ฉีด Filler ใต้ตาใช้กี่ CC และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

ฉีด Filler ใต้ตาใช้กี่ CC กับ 10 ปัญหาใต้ตาที่แก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์

  • ฟิลเลอร์แก้ไขถุงใต้ตา: วิธีนี้มักใช้กับหนุ่มสาวที่มีอายุเริ่มมากขึ้นแล้วเกิดปัญหาถุงใต้ตาหย่อนเนื่องจาก กระดูกใต้ตายุบตัว ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย หรือดูเหนื่อยล้าอ่อนแออยู่ตลอดเวลา เพื่อลดภาวะเบ้าตาลึก ลดริ้วรอยบริเวณใต้ตา และถุงใต้ตาให้จางลง และตื้นขึ้น ทำให้หน้าดูกระชับ และอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
  • ฟิลเลอร์แก้ไขร่องลึกใต้ตา: วิธีนี้ใช้แก้ปัญหาการเกิดร่องลึกใต้ตา ทำให้ตาดูโหล ใบหน้าไม่สดใส ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยเช่นกัน กรณีจะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณเท่าไหร่ แต่ละคนจะใช้ CCไม่เท่ากัน โดยจะเลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อนิ่มปานกลาง เมื่อฉีดแล้ว ร่องตาที่ลึกจะตื้นขึ้น ตาที่ดูโหลจะสดใสขึ้น หน้าดูเด็กลงกว่าเดิม
  • ฟิลเลอร์แก้ไขร่องน้ำตา: ร่องน้ำตาจะอยู่บริเวณมุมหัวตาไปจนถึงตอนกลางของกระดูกเบ้าตา ปัญหาร่องน้ำตาที่พบได้บ่อย คือ ร่องน้ำตาลึก ทำให้ใต้ตาดูคล้ำ โดยมากมักเกิดจากพันธุกรรม การที่มีอายุมากขึ้น คอลลาเจน และอีลาสตินที่อยู่ในผิวลดน้อยลง กระดูกยุบตัวลงเกิดเป็นร่องน้ำตา รวมไปถึงการที่มีน้ำหนักลดลง เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ยุบตัวลง และความเครียด ทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพลง การแก้ปัญหานี้จะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาร่องน้ำตา เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง ไม่ฟู และคงรูปได้ดี เมื่อฉีดแล้วร่องน้ำตาจะตื้นขึ้น ลดความคล้ำบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าดูเด็กลงได้
  • ฟิลเลอร์แก้ไขริ้วรอยใต้ตา: ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากการที่คอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนังเริ่มลดลง ทำให้ผิวบางลง เกิดรอยตีนกา และรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ยังเกิดจากการยุบตัวลงของกระดูกใต้ตา ทำให้ผิวเหี่ยวเกิดเป็นริ้วรอยได้ ในกรณีนี้จะใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 2 ซีซี ฉีดแล้วหน้าเด็กลงทันตาเห็น

ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีระยะเวลาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้:

ฮายาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid – HA): เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับการฉีดใต้ตา ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานประมาณ 6 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์เฉพาะและปฏิกิริยาของร่างกาย
ไพลิน (Poly-L-lactic Acid – PLLA): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า HA ถึง 2 ปี
แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาทิท (Calcium Hydroxylapatite – CaHA): มีความคงทนสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 ถึง 18 เดือน

  • ปริมาณที่ฉีด: การฉีดในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบริเวณใต้ตามีความละเอียดอ่อนและมีพื้นที่จำกัด โดยทั่วไปใช้ประมาณ 0.2 ถึง 0.5 ซีซีต่อด้าน แต่บางกรณีอาจต้องการมากหรือน้อยกว่านี้ตามสภาพผิวและความต้องการ

  • การตอบสนองของร่างกาย: ระบบภูมิคุ้มกันและอัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคลมีผลต่อการดูดซึมฟิลเลอร์ บางคนอาจดูดซึมฟิลเลอร์ได้เร็วกว่า ทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์สั้นลง

  • เทคนิคการฉีด: ความชำนาญและเทคนิคของแพทย์ผู้ฉีดมีผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์และความเรียบร้อยของผลลัพธ์ ซึ่งสามารถส่งผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ในร่างกาย

  • การดูแลหลังการฉีด: การปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ การงดการออกกำลังกายหนัก ๆ และการหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ได้

ปัจจัยทางอายุและสุขภาพผิว: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังและกระดูกใต้ตาจะเปลี่ยนแปลง ทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อาจลดลงหรือต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติมสภาพผิวที่มีความยืดหยุ่นดีและไม่มีปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละคน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดควรดูก่อนว่าปัญหาของเราคืออะไร ควรใช้ฟิลเลอร์แบบไหน ในปริมาณเท่าไร ซึ่งแต่ละคนจะใช้ในปริมาณไม่เท่ากัน เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ได้นานประมาณ 6 ถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ และปัจจัยอื่น ๆ อ้อ! ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เพื่อความปลอดภัยด้วยนะ