การฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Filler) เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปในชั้นผิว เพื่อเพิ่มวอลลุ่ม เติมเต็มร่องลึก หรือปรับโครงสร้างใบหน้า แม้จะเป็นหัตถการที่รวดเร็วและไม่ต้องผ่าตัด แต่ช่วงเวลา 24-72 ชั่วโมงแรกหลังฉีดถือเป็น “ช่วงวิกฤต” ที่สำคัญที่สุด เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ และรูเข็มยังไม่ปิดสนิท การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามยอดนิยมที่ว่า ” หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถแต่งหน้าได้เลยหรือไม่?” จึงเป็นปัจจัยชี้ขาดที่จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ลดอาการบวม และทำให้ ฟิลเลอร์(Filler) เข้าที่ได้อย่างสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่งหน้าได้ไหม? และควรรอนานแค่ไหน?
ควรงดการแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อยที่สุด 12-24 ชั่วโมงแรก
เหตุผลที่แพทย์แนะนำให้งดแต่งหน้าในช่วง 12-24 ชั่วโมง
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ: รูเข็มที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์เป็นบาดแผลขนาดเล็กที่ยังไม่ปิดสนิท การใช้แปรงแต่งหน้า พัฟ หรือนิ้วมือสัมผัสผิวหน้าเพื่อเกลี่ยเครื่องสำอางในช่วงนี้ อาจนำพาเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่บาดแผลและก่อให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อได้
- ป้องกันการกดทับ/เคลื่อนที่ของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่เพิ่งฉีดเข้าไปยังอ่อนตัวและยังไม่รวมเข้ากับเนื้อเยื่อ การลงน้ำหนักมือขณะเกลี่ยรองพื้น การใช้พัฟกด หรือการนวดหน้าเบา ๆ ขณะแต่งหน้า อาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งที่แพทย์ตั้งใจไว้ ส่งผลให้รูปทรงผิดเพี้ยนได้
- ลดการระคายเคือง: สารเคมีบางชนิดในเครื่องสำอาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม อาจทำให้ผิวบริเวณที่บอบบางอยู่แล้วเกิดการระคายเคืองและเพิ่มอาการบวมแดง
แนวทางการแต่งหน้าหลังผ่าน 24 ชั่วโมงไปแล้ว
- เน้นความสะอาด: ล้างมือให้สะอาดก่อนแต่งหน้า และใช้แปรง/พัฟที่ผ่านการทำความสะอาดอย่างดีแล้วเท่านั้น
- ใช้เทคนิคการแตะเบา ๆ (Dabbing): หลีกเลี่ยงการถู การนวด หรือการเกลี่ยอย่างรุนแรง ควรใช้วิธี “แตะ” เครื่องสำอางลงบนผิวอย่างเบามือที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีด
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน: เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมอ่อนโยน (Mineral Makeup) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)
การดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดในช่วง 7 วันแรก
ข้อควรปฏิบัติ (DO) | ข้อควรหลีกเลี่ยง (DON’T) |
ดื่มน้ำให้เพียงพอ (2–3 ลิตรต่อวัน) | หลีกเลี่ยงความร้อนและไอร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ ทำอาหารร้อน หรือแช่น้ำอุ่นจัด เป็นเวลา 2 สัปดาห์ |
ประคบเย็น (เฉพาะเมื่อแพทย์แนะนำ) | ห้ามกดทับรุนแรง เช่น นวดหน้า สครับผิว หรือเท้าคาง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ |
รับประทานยาตามแพทย์สั่ง | งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 1–2 สัปดาห์ เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและบวมมากขึ้น |
นอนยกศีรษะสูงใน 2–3 คืนแรก เพื่อช่วยลดอาการบวม | งดยา/อาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา และแปะก๊วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ |
ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดแรง ๆ | งดทำเลเซอร์หรือหัตถการที่ใช้ความร้อนสูง เช่น Ulthera, Thermage, HIFU เป็นเวลา 1 เดือน |
ความเหมาะสมกับปัญหา | ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย, รูขุมขนกว้าง, ผู้ที่เน้นความสบาย |
ความยาวนานของผลลัพธ์ | 6 - 12 เดือน (แนะนำทำปีละ 1-2 ครั้ง) |
ทำไม “การดื่มน้ำ” จึงสำคัญอย่างยิ่ง หลังฉีดฟิลเลอร์ ?
ฟิลเลอร์ HA มีคุณสมบัติในการ “ดูดซับน้ำ” (Water-attracting) ในปริมาณมากเพื่อคงรูปและเพิ่มวอลลุ่ม หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ฟิลเลอร์อาจดึงน้ำจากเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้ฟิลเลอร์ไม่ฟูเต็มที่ และอาจทำให้ผิวดูแห้ง ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการอยู่ตัวของฟิลเลอร์และผลลัพธ์ที่สวยงามเต็มประสิทธิภาพ
สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
แม้ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์จะเกิดขึ้นได้ยากเมื่อทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ แต่คุณควรสังเกตอาการผิดปกติเหล่านี้อย่างใกล้ชิด:
- อาการปวดรุนแรง: ปวดต่อเนื่องและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้รับประทานยาแก้ปวดแล้ว
- ผิวหนังเปลี่ยนสี: บริเวณที่ฉีดมีสีซีดขาว, คล้ำขึ้น, หรือมีรอยด่างเป็นจ้ำคล้ายร่างแห อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของเส้นเลือด
- มีอาการบวมแดงและร้อนผิดปกติ: ร่วมกับมีไข้ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
- การมองเห็นผิดปกติ: หากมีอาการปวดตาหรือการมองเห็นผิดปกติหลังฉีดบริเวณรอบดวงตา ให้รีบติดต่อแพทย์ทันที
การฉีดฟิลเลอร์คือทางลัดสู่ความอ่อนเยาว์และใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์นั้นอยู่ได้อย่างยาวนานและปลอดภัยที่สุดคือ ความเข้าใจและการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง การอดทนงดแต่งหน้าเพียง 1 วันแรก และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และไม่ต้องกังวลกับภาวะแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็น

